หมายเหตุ : สามารถรับชมคลิปเพิ่มเติมได้ที่ด้านล่างบทความค่ะ

        หลายคนมีโอกาสไปเที่ยวต่างแดน แต่จะมีสักกี่คนที่ได้มีโอกาสไปใช้ชีวิตต่างแดนที่สุดๆ แบบนี้! นี่เป็นเรื่องราวของหญิงสาวคนแกร่ง "คุณชมพู่" ผู้ได้ไปเผยแพร่ศาสตร์ศิลปะมวยไทยสู่สายตาชาวโลก รวมทั้งยังฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ ในต่างแดน ไม่ว่าจะเป็นการเหยียดหยาม ข่มขู่ หรือโกงเงิน จนประสบความสำเร็จรับปริญญาในที่สุด! 

        "กาญจนพร ศรีโยธี" หรือ ชมพู่ จบ ป.ตรี จากคณะรัฐศาสตร์ สาขาการเมืองระหว่างประเทศ ภาคภาษาอังกฤษ (BMIR) ม.ธรรมศาสตร์ และ ป.โท หลักสูตรปริญญา 2 ใบ ด้าน International Management จาก Schiller International University เมืองไฮเดลเบิร์ก ประเทศเยอรมนี ควบกับอีกใบจาก University of Roehampton กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ โดยหัวข้อวิทยานิพนธ์ที่ทำคือ การรีแบรนด์กีฬามวยไทยในเวทีโลก

        เลือกมาเรียนเยอรมนีเพราะชอบความท้าทาย

        "หลังเรียนจบป.ตรีก็เป็นช่วงค้นหาตัวเองค่ะ ชมไม่อยากสอบราชการ พอไปตระเวนสมัครแอร์กับเพื่อนๆ ก็ตกรอบไปตามระเบียบ เลยปิ๊งไอเดียว่าไปเรียนภาษาที่ 3 เพิ่มแล้วกันเผื่อกลับมาสมัครแอร์โฮสเตสอีก ส่วนเหตุผลที่เลือกมาเยอรมนีคืออยากเท่แค่นั้นแหละค่ะ ชมชอบอะไรที่ท้าทาย ได้ยินคนบอกภาษาเยอรมันยากก็เซิร์ชเน็ตหาข้อมูลมาเลย แล้วไม่ไปเมืองใหญ่ที่คนไทยรู้จักด้วย กลัวเท่ไม่พอ มาเมืองจิ๋วแต่โรแมนติกอย่างไฮเดลเบิร์ก (Heidelberg) แทน ซึ่งแพลนแรกกะมาเรียนภาษาแค่ 10 เดือนค่ะ ผลคือ 3 ปีผ่านไปกลายเป็นนักมวย”

        “ชมมาเริ่มเรียนภาษาที่นี่ตั้งแต่ระดับ A1 ถึง B2 แถมเป็นคนไทยคนเดียวในโรงเรียนสอนภาษาด้วยค่ะ คลาสเรียนสนุกและเปิดหูเปิดตามากๆ ที่พีคคือตอนแรกทางโรงเรียนเค้าจัดที่พักให้อยู่ที่ภูเขาอันไกลโพ้น ชมก็สงสัยว่าทำไมแถวนั้นไม่มีใครหน้าตาฝรั่งเลย มารู้ทีหลังว่ามันเป็นเขตที่อยู่ของผู้อพยพ แถมมีอาชญากรรมบ่อยๆ ด้วย เลยขอย้ายออกดีกว่า”

       “พอจะจบคอร์สเรียนภาษาก็มานั่งคิดว่า เอ๊ะ จะเอายังไงต่อล่ะทีนี้ แต่ไหนๆ ก็มาแล้ว งั้นเรียนป.โทต่อละกัน โชคดีที่สอบ IELTS เผื่อไว้ก่อนมาด้วย แต่ช่วงเตรียมเอกสารชุลมุนมากกก ใครที่สนใจมาเรียนต่อเยอรมนีต้องเตรียมเอกสารให้ครบเป๊ะๆ เอกสารต้องแปลและรับรองโดยหน่วยงานเยอรมนีเท่านั้นค่ะ”   

        “ชมสมัครเรียน ป.โทไป 4 ที่ ผ่าน 2 ที่ สุดท้ายอยากเท่อีกแล้ว เลยเลือกเรียนหลักสูตรนานาชาติปริญญา 2 ใบ เรียนเป็นภาษาอังกฤษ และด้วยความที่เมื่อหลายปีก่อนเมืองไฮเดลเบิร์กเคยมีฐานทัพของสหรัฐอเมริกาตั้งอยู่ ทหารอเมริกันบางส่วนเลือกที่จะอยู่ต่อ ทำให้คลาส ป.โทของชมมีแต่อดีตทหารอเมริกันค่ะ” 

        “มันแอบตลกตรงที่เราเรียนในประเทศเยอรมนีแต่บรรยากาศในห้องเรียนเหมือนในหนังอเมริกันเลย เพื่อนผิวสีเยอะมาก ทุกคนกล้าพูดกล้าแย้ง เสนอความคิด ยกมือแย่งกันตอบ สนุกดีค่ะ มีเพื่อนฝรั่งยืมเลกเชอร์ไปซีร็อกซ์ด้วยนะ เพราะปากกาสีชมเยอะมาก ฝรั่งว้าวมายแม็ปจนต้องขอถ่ายรูป” 

        โดนเจ้าของบ้านข่มขู่และโกงค่ามัดจำ!

         “ไฮเดลเบิร์กเป็นเมืองมหาวิทยาลัย หาที่พักยากมากค่ะ บางที่ไม่รับนักเรียนต่างชาติด้วย ซึ่งช่วงที่เรียนอยู่สัญญาบ้านหลังเก่าดันหมดพอดี ชมเลยหาหอใหม่ ไปเจออพาร์ตเม้นต์ห้องนึงถูกใจแถมราคาไม่แพง วันที่เซ็นสัญญาเช่าเจ้าของที่พักที่เป็นชายเชื้อสายอาหรับเค้าก็ดูใจดีนะคะ แต่พอทำสัญญาเท่านั้นแหละ หน้ามือเป็นหลังมือเลยค่ะ กฎต่างๆ เริ่มผุดขึ้นมา ห้ามให้เพื่อนมาหาที่ห้อง เค้าติดกล้องวงจรปิดตรงประตูและนั่งดูจอทุกวัน มีวันนึงชมย้ายของเข้าห้อง เค้าก็ตามมาเคาะประตูห้องแล้วบอกว่า ไอเห็นนะ ยูไม่เช็ดเท้าตรงประตูใหญ่หน้าหอ กลับไปเช็ด! ส่วนวันไหนที่เพื่อนมาช่วยขนของ ลุงก็จะไปยืนไล่ บอกว่ากองของไว้ตรงนี้ ให้ชมขนเข้าไปเอง”

        “ชมย้ายของเข้าได้ 2 วัน วันต่อมาย้ายออกเลยค่ะ อยู่ไม่ได้แล้ว เลยให้เพื่อนมาช่วยขนของ ตอนนั้นลุงดันเปิดประตูหอไปเจอเพื่อนพอดีแล้วก็มีปากเสียงกัน ชมก็กลัวไม่กล้าออกจากห้อง พอได้จังหวะจะแอบย่องขนของออกไป ลุงดันจับได้ วิ่งมาขวางประตูพร้อมกับกำใบสัญญาออกมาด้วย เค้าตะคอกใส่ว่าจะไปไหนไม่ได้ ต้องจ่ายค่าห้องให้เค้า 3 เดือนก่อน (ซึ่งชมยังไม่เคยพักที่นั่นแม้แต่คืนเดียว) ชมแบกลังหนังสืออยู่เลยตอบอ้ำๆ อึ้งๆ แต่เพื่อนได้ยินเสียงพอดีเลยตะโกนถามว่าโอเคมั้ย เราเลยรอดออกมาได้ค่ะ หลังจากนั้นชมก็ไปแจ้งความกับหน่วยงานที่ดูแลความปลอดภัยผู้พักอาศัยประจำเมืองไฮเดลเบิร์ก พอเจ้าหน้าที่เห็นชื่อเจ้าของบ้านเค้าก็บอกว่ามีคนมาร้องเรียนเรื่องตาคนนี้ 3 รายแล้ว แถมทำอะไรไม่ได้ด้วย เพราะลุงร่างสัญญาไว้ฉลาดมาก”

        ไปเป็นสตาฟยิม โดนโกงค่าจ้างไปเกือบแสน

        แต่เรื่องพีคๆ ยังไม่หมดเท่านั้นค่ะ เธอเล่าความดาร์คให้ฟังอีกว่า “เดือนแรกที่มาเรียนเหงามากค่ะ เพราะเพื่อนที่โรงเรียนภาษาเค้าจะอยู่เฉพาะในกลุ่มตัวเอง ชมเลยลองหาสิ่งที่ชอบและได้เพื่อนเป็นคนท้องถิ่นทำดู สุดท้ายจบที่เทรนมวยค่ะ เทรนไปเรื่อยๆ คนก็รู้จักเยอะขึ้น จนเจ้าของยิมชวนมาทำงานด้วย งานแรกที่ทำคือเป็นสตาฟยิม หน้าที่ล้านแปดมาก เปิด-ปิดยิม ขายของ ทำความสะอาด ทำโปรตีนเชคให้ลูกค้า” 

        “พอทำไปพักนึงนายจ้างเริ่มเอาเปรียบทั้งเรื่องเวลางานและค่าจ้าง เค้าเริ่มไม่พอใจที่เพื่อนๆ ในยิมชื่นชอบชม แถมไอจีชมได้รับความนิยม (เคยโทรมาโวยวายให้ลบรูปเกี่ยวกับมวยไทยออก แล้วบอกว่ายูเป็นแค่เด็กทำงานในยิม ไม่มีสิทธิ์มาโพสต์ว่าเล่นมวยด้วย) จากเดิมชมทำงานด้านการขายและโปรโมตยิม เค้าก็เปลี่ยนให้มาทำความสะอาดห้องน้ำเป็นหลัก แถมช่วง 2-3 เดือนก่อนลาออกก็ไม่จ่ายค่าจ้างให้ เอาใบเซ็นชื่อเข้างานไปทิ้ง แล้วบอกว่าชมไม่มีหลักฐานการเข้างาน ยังไม่จบแค่นั้น พอออกมายังจะหาเรื่องยึดของและคิดเงินชมด้วย (ซึ่งเค้าทำกับลูกจ้างทุกคนที่ลาออกเลยค่ะ) รวมๆ โดนโกงค่าจ้างไปเกือบแสนตอนนั้นปัญหาเยอะจนเครียดมากค่ะ แต่เหตุการณ์หนักๆ ก็ทำให้เราเจอเพื่อนแท้และคนดีๆ มากมายที่พร้อมช่วยเหลือและอยู่เคียงข้างเรา”

        ต่อยมวยจนดัง มีคนติดตามจากทั่วโลก! 

        “หลังจากนั้นชมโชคดีที่ได้มาเจอเทรนเนอร์ดีๆ ที่ค่ายใหม่ เป็นฝรั่งหัวใจไทยชื่อแดเนียลกับอเล็กซ์ ทั้งคู่เป็นอดีตแชมป์มวยไทยและคิกบ็อกซิ่ง K-1 หลายเวที ชมจึงเริ่มเปลี่ยนเป้าหมายจากเทรนเฉยๆ เป็นฝึกซ้อมเพื่อแข่ง ไปๆ มาๆ เลยได้โอกาสไปเป็นเทรนเนอร์สอนมวยไทยที่ศูนย์กีฬาของมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่งในเมืองไฮเดลเบิร์กด้วย”

        “คลาสของชมได้รับการตอบรับดีมาก ตอนแรกมีแต่ผู้หญิงมาเรียน ชมเลยทำคลาสเป็นมวยไทยคาร์ดิโอและมีแอโรบิค พอหลังๆ มีผู้ชายมาเรียน เลยปรับเปลี่ยนให้เป็นมวยไทยแบบฟิตเนสแทน มีการเล่น Body weight training และ Athletic training เข้ามาผสมด้วยค่ะ ที่ทำงานก็น่ารักมาก ส่งชมไปอบรมใบประกาศเพิ่มเติมการเป็นเทรนเนอร์ด้วย”

        “ช่วงนั้นชมเรียน ป.โท อย่างหนักไปพร้อมๆ กับการฝึกซ้อมเพื่อลงแข่งในนามทีมชื่อ Top Team Heidelberg ค่ะ เรียนตอนเช้า ซ้อมตอนเย็น ชมชอบอัดคลิปเวลาตัวเองฝึกซ้อมกับเพื่อนลงไอจี เพราะอยากเห็นพัฒนาการตัวเอง (IG: @chompu.ks) แล้วก็ชอบตั้งแคปชั่นเป็นภาษาอังกฤษ ทอปปิกเกี่ยวกับมวยไทย อาหารไทย และวัฒนธรรมไทย เลยมีชาวต่างชาติที่สนใจมวยไทยจากทั่วโลกตามมาฟอลเยอะมากค่ะ” 

        “พอคนเยอรมันเริ่มรู้จักชม เค้าก็เริ่มจ้างไปออกงานอีเวนต์ ไปรำไหว้ครูโชว์ในงานแข่งมวยใหญ่ๆ ลงนิตยสารกีฬามวย ออกรายการช่องยูทูบของเยอรมนี ลึกๆ ชมก็แอบดีใจที่ได้มีส่วนทำให้คนรู้จักกีฬาประจำชาติของเรา ส่วนประสบการณ์การแข่งมวย มันคือการออกจาก comfort zone ของตัวเองจริงๆ ค่ะ เพราะชมเริ่มเล่นมวยช้าเลยไม่ค่อยมีความมั่นใจ แต่พอลงแข่ง ชมต้องเชื่อมั่นในตัวเองให้มากที่สุด สุดท้ายก็ทำได้ เราไม่ใช่แค่เอาชนะคู่ต่อสู้ แต่ยังเอาชนะใจตัวเองได้ด้วย”

        พูดถึงเรื่องดีๆ

        “พูดถึงเรื่องดีๆ ที่นี่เดินทางง่ายค่ะ ขนส่งสาธารณะดีเยี่ยม บ้านเมืองเป็นระเบียบ อีกเรื่องนึงที่ไม่คาดคิดมาก่อนคือเยอรมนีมีความ multicultural และ multinational มากๆ ภาพจำของเราคือคนเยอรมันต้องหัวทองตาฟ้า แต่ไม่ใช่เลยค่ะ เพื่อนบางคนเกิดที่นี่โตที่นี่แต่หน้าแขกบ้าง หรือหน้าตาก้ำกึ่งระหว่างเอเชียกับยุโรปบ้าง บางคนผมบลอนด์แต่มาจากอีกฟากนึงของยุโรปก็มี”

        “ส่วนเรื่องประทับใจเกี่ยวกับคนเยอรมันมีเยอะมากค่ะ โดยเฉพาะเพื่อนๆ นักมวย ทุกคนน่ารักมาก ให้ความช่วยเหลือชมตลอดเวลามีปัญหา ชมมีคู่หูคนนึงชื่อ ‘กาเบียลลา’ สวยและต่อยมวยเก่งมาก ตอนซ้อมเราซัดกันหนักเลย แต่หลังซ้อมเราก็ชวนกันไปช็อปปิ้งหรือทำอาหารในวันหยุด และตอนนี้เราสองคนกำลังซ้อมหนักเพื่อจะไปแข่งชิงแชมป์ประเทศเยอรมันวันเสาร์ที่จะถึงนี้ด้วยค่ะ”

        “โดยทั่วไปจะได้ยินว่าคนเยอรมันซีเรียส ซึ่งอาจจะจริงสำหรับคนรุ่นเก่าค่ะ แต่เพื่อนของชมทั้งหมดเฟรนด์ลี่ แสดงออกอย่างชัดเจนและจริงใจมากๆ เวลาไม่ชอบหรือต้องการปฏิเสธ เค้าจะพูดกันตรงๆ โดยไม่คิดเล็กคิดน้อยค่ะ อีกเรื่องที่ประทับใจคือคนเยอรมันมีวินัยมาก ยิ่งชมมาเป็นนักกีฬา ยิ่งเพิ่มความมีวินัยเข้าไปอีกค่ะ เราอยู่ไปนานๆ ก็เริ่มจะซึมซับแบบเค้าละ 55555”

        “สิ่งที่ประทับใจที่สุดในการมาอยู่ที่นี่ คือเราได้พิสูจน์ตัวเองและผ่านอุปสรรคต่างๆ มาได้ด้วยดี จากที่เคยปัญหาจนถอดใจอยากกลับไทย ก็ฝ่าฟันจนคว้าใบปริญญามาได้ กลายมาเป็นเทรนเนอร์ ตัวแทนนักกีฬามวยไทยสมัครเล่น และกำลังจะทำธุรกิจส่งออกอุปกรณ์มวยไทยไปตลาดยุโรปพร้อมกับทำโรงเรียนสอนภาษาไทยออนไลน์ เรียกได้ว่าช่วงชีวิตที่มาอยู่ที่นี่เหมือนรถไฟเหาะตีลังกาเลยค่ะ”

        สุดท้ายนี้ คุณชมพู่กล่าวทิ้งท้ายไว้ว่า

        “อยากให้น้องๆ ที่อยากมาเรียนต่างประเทศเตรียมกายเตรียมใจให้พร้อม การมาอยู่ต่างบ้านต่างเมืองไม่เคยง่าย เราต้องเจอปัญหาแน่ๆ ไม่เรื่องใดก็เรื่องหนึ่ง และเมื่อเกิดปัญหาขึ้นแล้วให้ลองสู้กับมันดูสักตั้ง ในท้ายที่สุดเราจะได้เรียนรู้อะไรหลายๆ อย่างจากมันค่ะ หน้าม่านของนักเรียนนอกหลายคนอาจดูเป็นภาพสวยงาม แต่หลังม่านพวกเราตั้งใจเรียนภาษากันมากๆ ตั้งใจอ่านหนังสือ แบกความหวังและความกดดันต่างๆ บางทีก็ไม่กล้าเล่าปัญหาให้ครอบครัวที่ไทยฟัง เพราะเรารู้ว่าอยู่ไกลเค้ายิ่งเป็นห่วง”

        “สำหรับน้องๆ ที่ค้นหาตัวเองเจอแล้ว ให้ลุยเต็มที่เลยค่ะ แต่ถ้าใครยังงงๆ กับตัวเองอยู่เหมือนชมตอนแรก อย่าลังเลนานนะคะ เพราะทุกอย่างมีทางไปต่อของมันเสมอ ทำก่อนก็เจอตัวเองก่อน ทำช้าหรือไม่ทำเลยก็เจอตัวเองช้าค่ะ อย่างชมเรียนรัฐศาสตร์การทูต ไปสมัครแอร์แล้วตกรอบ เลยไปเรียนภาษาแล้วต่อด้านบริหาร จบที่เป็นนักมวย ไม่มีอะไรเกี่ยวกันเลย แต่ชมก็เอาทักษะแต่ละแขนงมาใช้ทีละนิดทีละหน่อย ออกมาเป็นส่วนผสมที่ลงตัวและออกมาเป็นเราอย่างที่เป็นทุกวันนี้เนี่ยแหละค่ะ ฉะนั้นถ้าคิดว่าจะทำแล้ว ลุยสุดพลังเลยค่ะ!”

        ยอมรับเลยว่าคุณชมพู่ใจสู้และมีความพยายามมากๆ ถึงจะเจออุปสรรคเยอะแค่ไหนก็ไม่ย่อท้อ สู้ต่อจนประสบความสำเร็จในหลายๆ ด้าน และเชื่อว่าประสบการณ์นี้จะเป็นแรงบันดาลใจที่ดีให้กับใครอีกหลายคน สามารถไปติดตามเรื่องราวหญิงแกร่งคนนี้เพิ่มเติมได้ที่ IG: @chompu.ks ค่ะ

ชมคลิป...

คลิปเปิดไม่ออก >>>>> กดตรงนี้ คลิ๊ก !!!! <<<<<

ภาพจาก IG: @chompu.ks