ประเทศจีนในยุคโบราณนั้นใช้ระบบการมีคู่สมรสคนเดียว แต่มีเล็กมีน้อยได้หลายคน โดยมีความแตกต่างคือ ความเคารพและความด้อยกว่าระหว่างภรรยาและบ้านเล็ก ดังนั้นไม่ว่าบ้านเล็กบ้านน้อยจะสวยและเป็นที่รักของสามีมากกว่าเพียงใดก็ตาม สถานะของภรรยาก็จะสูงมากกว่านางเหล่านั้นแน่นอน ยากที่จะทำให้ตำแหน่งภรรยาเอกนั่นสั่นคลอนได้ 

(เป็นเพียงภาพประกอบเนื้อหาเท่านั้น)

    แต่จะมีก็เพียงเหตุผลเดียวที่จะทำให้ตำแหน่งภรรยาเอกนั้นถูกแปรเปลี่ยนไปก็คือ หากภรรยาเอกไม่สามารถมีบุตรชายให้กับตระกูลได้ก็จะต้องลดสถานะลงทันที และในวันนี้บุคคลที่แอดมินไลค์เกอร์จะมาแนะนำให้รู้จักคือ ชวี่ จูชิง เธอซึ่งเป็นภรรยาเอกของตระกูลของสามีที่ชื่อ เยียนซีซาน แต่ทว่าน่าเสียดายที่เธอกลับถูกมองข้ามไป เนื่องจากไม่สามารถมีบุตรได้ จึงทำให้สามีจำเป็นต้องไปมีบ้านเล็กเพิ่ม และผู้หญิงบ้านเล็กก็มีบุตรชายให้สามีของเธอได้ถึง 5 คน 

    แต่ทว่าสิ่งที่ทำให้เจ็บปวดหัวใจก็คือ ในวันที่ลูกชายกำลังเริ่มฝึกพูดได้ และได้เรียกแม่ผู้ให้กำเนิดของตนเองว่า “แม่” นั้น กลับถูกห้ามโดยสามี เยียนซีซาน ไม่ให้เรียกผู้หญิงคนนี้ว่า “แม่” จากนั้นก็พาลูกทุกคนไปยังห้องของชวี่ จูชิงเพื่อให้ลูกของเธอทั้ง 5 คนเรียกชวี่ จูชิงว่า แม่ แทน เรื่องราวของพวกเขาก็เกิดขึ้นนับตั้งแต่นั้นมา

     เยียนซีซาน เป็นขุนศึกของสาธารณรัฐจีน ได้ต่อสู้อย่างหนักเพื่อปกป้องประชาชนแลพดินแดนจนสามารถยึดครองมณฑลซานซีมาได้ และกลายเป็น "กษัตริย์แห่งชานซี" ที่มีชื่อเสียง เมื่อพูดถึงการแต่งงานของเขาถือว่าเป็นการแต่งงานแบบคลุมถุงชนในสมัยพ่อแม่ของเขา

    ในสมัยที่เขาอายุได้เพียง 15 ปี พ่อแม่ของเขาก็ได้จัดเตรียมคู่สมรสให้เขาเรียบร้อยแล้ว ชวี่ จูชิงก็คือ คู่หมั้นคู่หมายของเขานั่นเอง ตระกูลของชวี่ จูงชิงเป็นตระกูลที่มีชื่อเสียงมากในท้องถิ่น และเธอก็อายุมากกว่า เยียนซีซานถึง 6 ปี แต่ทั้งคู่หลังแต่งงานกันชีวิตก็ราบรื่นรักใคร่กันดี ไม่ว่าเรื่องเล็กเรื่องใหญ่เยียนซีซานก็ไว้วางใจภรรยาคนนี้มาก 

    ชวี่ จูชิงเป็นผู้หญิงที่ฉลาด และเป็นหน้าเป็นตาของตระกูลเป็นอย่างมาก มีมารยาท รู้จักสัมมาคารวะผู้หลักผู้ใหญ่พ่อแม่สามีเป็นอย่างมาก ทำให้ไม่ว่าเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ภายในบ้านของสามี เธอก็จะมีหน้าที่จัดการทั้งหมด รวมถึงธุรกิจของบ้านสามีด้วย

    แต่ไม่ว่าเธอจะเป็นคนเก่งและมีความสามารถมากเพียงใด แต่หลังจากที่แต่งงานมาหลายปี เธอก็ยังไม่มีวี่แววที่จะมีบุตรให้สามีสักที และนี่ก็คือสาเหตุที่ทำให้ชีวิตรักของเธอเริ่มสั่นคลอน แต่ถึงกระนั้นเอง สามีเยียนซีซานก็ไม่มีภรรยาเล็ก ภรรยาน้อยเลย จนกระทั่งมีอยู่ปีหนึ่ง จู่ๆ คุณพ่อของชวี่ จูชิงก็ส่งผู้หญิงที่งดงามวัย 14 ปีมาให้เขาเพื่อจะให้เธอมาเป็นตัวช่วยให้มีทายาทสืบสกุล 

    ที่จริงที่พ่อตาทำเช่นนี้ก็หวังดีกับลูกสาวของตนเอง เนื่องจากลูกสาวของตนเองไม่สามารถมีบุตรได้ หากเป็นเช่นนั้นต่อไปก็จะเป็นเรื่องที่น่าลำบากเป็นอย่างมากสำหรับเธอเอง และจะทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ค่อยๆจืดจางไป พ่อตาจึงหาวิธีแก้ด้วยการส่งสาวน้อยมาให้เพื่อเป็นทางออกสำหรับเรื่องนี้ ข้อดีอีกอย่างก็คือ ตำแหน่งภรรยาของลูกสาวก็ยังมั่งคงดังเดิม

     หญิงสาววัย 14 ปีคนนี้มีชื่อว่า ชวี่ หลานหลิน เป็นหญิงสาวในหมู่บ้านใกล้เคียง เป็นผู้หญิงที่ต่ำต้อย เพื่อให้เกียรติพ่อตา เยียนซีซานก็ไม่กล้าปฏิเสธข้อเสนอนี้  จึงยอมรับแต่โดยดี และจัดงานแต่งเข้าตระกูลอย่างเป็นทางการ

     แต่สิ่งที่หลายคนคิดไม่ถึงก็คือ หลังจากที่ชวี่หลานหลินแต่งเข้าตระกูลแล้ว ก็ตั้งครรภ์ติดต่อกันทุกปี ถึง 5 คน แม้ว่าเธอจะช่วยแก้ปัญหาเรื่องการมีทายาทสืบสกุลแล้ว แต่ถึงกระนั้นชีวิตความเป็นอยู่ภาระต่างๆของชวี่ จูงชิงก็ไม่เบาลงเลย

     ด้านสามีเยียนซีซานแม้จะมีชวี่ หลานหลิน แต่เขาก็เย็นชากับเธอมาก และยังสั่งกำชับคนใช้ว่า ทันทีที่เด็กคลอดออกมาก็ให้อุ้มไปจากเธอทันที  เพื่ออุ้มไปให้ภรรยาชวี่ จูชิงเป็นคนอุ้มเลี้ยงดูแทน เขาทำให้เธอเห็นว่า แม้ว่าจะมีผู้หญิงคนใหม่ แต่เขาก็ไม่เคยรักภรรยาของตนเองน้อยลงเลย ยังคงให้เธอมาเป็นที่หนึ่งเสมอ และประคองรักให้แน่นแฟ้น หวานแววเหมือนเดิม

    มีอยู่วันหนึ่งขณะที่สามีกำลังเดินผ่านสวนในบ้าน ก็ได้ยินลูกคนหนึ่งเรียกชวี่หลานหลินว่า “แม่” เขาก็โมโหเป็นอย่างมาก รีบตรงเข้าไปหาชวี่หลานหลินทันที จากนั้นก็ตบหน้าเธอไป 1 ที แล้วก็ชีไปทางภรรยาว่า คนนี้ต่างหาเป็นแม่ของลูกๆ 

    ในตอนนั้นเอง ชวี่หลานหลิน รู้สึกน้อยใจเป็นอย่างมาก ที่ตนเองเหมือนไม่มีตัวตนอยู่ในจิตใจของเยียนซีซานเลย แต่นั้นก็ทำให้เธอเริ่มชินชาแล้ว แต่ก็ยังมีความอับอายเมื่อยู่ในที่สาธารณะ ชีวิตแบบนี้ทำให้เธอรู้สึกอ้างว้างและหมดหนทาง

(เป็นเพียงภาพประกอบเท่านั้น)

    เธอบอกว่า ตั้งแต่วันแรกที่ย่างกายเข้าตระกูลนี้ก็ทราบหน้าที่และสถานะของตนเองดีแล้วว่ามาเพื่ออะไร แต่ไม่นึกว่าการที่อุ้มท้อง 10 เดือน ของเด็ก 5 คนมาอย่างยากลำบากนั้น แม้ความหวังที่จะได้ยินลูกๆ เรียกตนเองว่าแม่ก็ยังไม่ได้เลย

    เธอรู้สึกไม่ได้รับความยุติธรรมเลย แม้จะรู้สึกไม่พอใจ หดหู่กับประสบเหตุการณ์ครั้งนี้ สุดท้ายเธอก็ต้องจากโลกนี้ไปอย่างเศร้าสลด ทำให้ผู้คนต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์ว่า การกระทำแบบนี้ต่อผู้หญิงที่เรียกว่า เป็นบ้านน้อย นั้น ดูไม่สมควร และไม่อยากให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก

     ชวี่หลานหลิน ต้องยอมทนลำบาก แต่กลับไม่สามารถได้ยินลูกเรียกตนเองว่า “แม่” ได้เลยหรอ ชวี่หลานหลินจากไปด้วยความตรอมใจด้วยวัยเพียง 48 ปีเท่านั้น

ที่มา : 17goforward | เรียบเรียงโดย LIEKR