"อ้อย กะท้อน" เล่าความหลัง จากนักร้องดัง สู่จุดต่ำสุดของชีวิต ไม่มีเงินรักษาตัว

LIEKR:

"อ้อย กะท้อน" เล่าความหลัง จากนักร้องดัง สู่จุดต่ำสุดของชีวิต ตกอับไม่มีเงินรักษาตัว

หมายเหตุ : สามารถรับชมคลิปเพิ่มเติมได้ที่ด้านล่างบทความค่ะ

    หลายคนคงคุ้นหน้าคุ้นตากันดี สำหรับ "อ้อย กะท้อน" นักร้องหญิง ศิลปินระดับตำนานของไทย ที่ทำเพลงเพื่อชีวิต ทำมากี่เพลงก็ปังมาตลอด เจ้าของเพลงดัง "สาวรำวง" ที่มีเนื้อเพลงฮิตติดปากคนไทยทั้งประเทศ  "อายุสิบห้าได้มาเป็นสาวรำวง มาใส่กระโปรง  วับๆ แวม ๆ” และ "นึกเสียว่าสงสาร"

    ถ้าย้อนกลับไปราว 30 กว่าปีก่อน นักร้องหญิงเพื่อชีวิตที่ดังระเบิดระดับซุปตาร์ ในตอนนั้นก็คือ อ้อย กะท้อน เจ้าของเพลงฮิตตลอดกาล แต่ใครจะรู้ว่าตอนนั้นเธอหลงระเริงไปกับชื่อเสียงขั้นสุด ทั้งเลือกรับงาน ทั้งใช้เงินไปกับการดูแลครอบครัวและซื้อของที่ตัวเองเคยอยากได้ จนเงินเก็บแทบไม่มี

 

Sponsored Ad

 

    กระทั่งเจอวิกฤติของชีวิต ต้อง ผ่ า ตัด ม ด ลู ก เจ้าตัวถึงกับเผยว่าไม่อยากอยู่แล้วเพราะไร้เงินรักษา แต่เธอโชคดีที่ชีวิตตอนนั้นได้เจอคนใจดีเข้า พร้อมให้เงินเธอมาเลย 4 แสน มาแบบไม่หวังผลตอบแทน

    อ้อย กะท้อน ร้องเพลงมาก่อนหน้านั้น ใช้ชื่อวงว่าวง สองวัย ตอนนั้นเป็นเพลงเด็ก ตอนสมัยสโมสรผึ้งน้อย พี่เป็นสมาชิกสโมสรผึ้งน้อยยุคแรก แล้วเราก็ร้องเจ้าผีเสื้อเอย โอ้โอเจ้าผีเสื้อเอย ก่อนเคยถลาเล่นลม แล้วก็ กอบ กิ๊บ กอบ กิ๊บ กอบ กิ๊บ กอบ กิ๊บ กอบ ลูกหมูใส่รองเท้า ตอนนั้นที่ร้อง 10 ขวบ ทำเพลงเด็กมาก่อน

 

Sponsored Ad

 

แล้วตอนที่เราเปลี่ยนมาเป็นอ้อยกะท้อน เพราะเราร้องเพลงเด็กจนอายุ 15 เราจะมาร้อง กอบ กิ๊บ กอบ มันก็ไม่ใช่ไง วัยมันก็เลยแล้วตอนนั้น น้าซู เคยทำกับสองวัย ชื่อวงสองวัยเนอะ เลยชวนมาทำวงใหม่ก็เลยบอก “..อ้อยมาร้องเพลงด้วยกันไหม” ก็ไป พอไปปุ๊บก็เนี่ยเป็น วงกะท้อน เกิดขึ้นมา

 

Sponsored Ad

 

    เพลงสาวรำวง ตอนนั้นเอาไปให้ค่ายดังๆเขายังไม่เอาเลย แล้วทีนี้พอมีค่ายเล็กๆชื่อ ครีเอเทีย ที่อยู่กับพี่ปั่น-ไพบูลย์เกียรติ เขียวแก้ว,พี่อุ้ย- รวิวรรณ จินดา สมัยก่อนนั้นน่ะอยู่ค่ายเดียวกัน เจี๊ยบ-ปวีณา ชารีฟสกุล แต่ก่อนอยู่ค่ายเดียวกัน ตอนแรกที่เขาฟังเขาก็ไม่ได้ชอบ แต่เขามองเห็นโอกาสว่า มันไม่มีเพลงแบบนี้ในตลาด เขาก็เลยทำเป็นเพื่อชีวิต จริงๆกะท้อนเนี่ย ก.ไก่ สระอะแล้วก็ท.ทหาร ไม้โท น.หนู ไม่ใช่กะมีร.เรือสะกดไม่ใช่นะเป็นกะท้อนตัวนี้ก็คือเขาต้องการสื่อให้เห็นว่า มันสะท้อนเรื่องราวต่างๆในยุคนั้น

 

Sponsored Ad

 


    ช่วงนั้นรับงานปีละ 400 งาน ตั้งแต่ปีแรก ยังปีต่อๆมาก็ยังเยอะๆแบบนี้ เพราะว่าเราไปเล่นตามปิดวิกงานวัด ก็เอาเงินใส่ปี๊บขนมปังเห็นไหม ปี๊บขนมปัง เรียงแบบเรียงสูงๆแบบเนี้ย เพราะว่าเวลาเขามาจ่ายตังค์แบงค์ 20 เต็มปี๊บ เวลานับกันที พอเอาปีบมาที่โรงแรมแล้วก็มาแบ่งกัน มานับให้กับค่าหนี้ แล้วก็คนจัดงานก็เอาไป เราก็เอาในส่วนที่เขาจ้าง

 

Sponsored Ad

 


แล้วต่อมาก็มีเพลงที่สร้างชื่อเสียงอีกเพลงคือเพลง "นึกเสียว่าสงสาร" พอออกจากวงกะท้อนมา พี่หยุดร้องเพลงเลย 7 ปี ไม่รับงานเลย 7 ปี คือ เราป่วยเป็น เ นื้ อง อ ก ใน ม ด ลู ก แต่สาเหตุที่ออกจากวงไม่ใช่เพราะป่วยอย่างเดียว จริงๆแล้วมันมีหลายสาเหตุ ตอนที่ป่วยก็คือมีเงินเก็บอยู่ก้อนนึง แต่ว่าเราป่วย ตอนนั้นเรารักษาตัว เพื่อที่จะไปร้องเพลงได้ แต่ตอนนั้นมันปวดจนเราหมดสติ เขาก็ไปส่งเข้าโรงพยาบาล อยู่ไอซียู ประมาณ 3-4 วัน 400,000 บาท


ตอนนั้น โดนค่ารักษาพยาบาลไป 4 แสนบาทแต่เรามีเงินเก็บอยู่ประมาณแสนเดียว แล้วหมอก็มาแจ้งบิลอย่างนี้ทุกวันนะ ปกติเวลาป่วยเขาจะต้องแจ้งบิลรายงานทุกวัน เพราะเห็นบิลแล้วแบบไม่อยากออกจากโรงพยาบาลแล้ว อยากขอลาโลกไปเลย

 

Sponsored Ad

 


    ทั้งนี้พิธีกรได้ถามว่าทำงานมาตลอด ปีนึงมีงานตั้ง 400 งานผ่านมา 4 อัลบั้ม ทำไมตอนนั้นมีเงินเก็บแค่แสนเดียว อ้อยจึงตอบไปว่า คือค่าใช้จ่ายทุกอย่างภายในบ้าน เราเป็นผู้นำ ต้องดูแลแม่ ดูแลครอบครัว เพราะว่าตัวเองรายได้หลักมาจากเรา แล้วเราก็ต้องดูแลคนที่เราต้องดูแลปกติ แล้วเวลามีเรื่องอะไรเนี่ย เราต้องเอาเงินตัวนี้ไปซัพพอร์ต ไปดูแลอย่างเนี่ย มันก็เลยเหลือเงินเก็บให้กับตัวเองไม่ได้เยอะมากอะไรสักเท่าไหร่

    อ้อย : ซึ่งมันผิดแย่มาก แล้วพอมาวันนึงเนี่ยเราที่เข้าโรงพยาบาล ตอนนั้นหลังจากป่วย หมอบอกว่าเอาไว้ไม่ได้แล้ว เพราะว่ามดลูกมันเป็นเหมือนฟองน้ำที่มันยุ่ยๆ ฟองน้ำที่มันเป็นผงๆเห็นไหมฟองน้ำล้างจานเนี่ยเป็นผง มดลูก เป็นอย่างนั้นหมอบอกต้องตัดทิ้งทั้งยวง ไม่สามารถมีลูกได้ตั้งแต่พี่อายุ 30 ต้นๆ ให้คุณแม่เซ็น ให้สามีเซ็นว่ายอมให้ตัด ต้องยอมตัดเพราะว่ารักษาชีวิตไว้ เพราะหมอบอกว่าถ้าเก็บไว้ชีวิตก็ 50:50 มันแตกระหว่างที่ผ่ามัน มีการติดเชื้อไงมันก็เสี่ยง 4 แสนนั่นแหละ

Sponsored Ad

    พี่ก็เลยมานั่งคิดว่าชีวิตเรา ไม่มีความแน่นอนเลยเพราะว่าเราเป็นสินค้าตัวนึงของค่ายๆหนึ่ง ถ้าเขาคิดว่าเราขายได้ เขาจับไปขายได้ เขาคิดว่าขายได้เขาจะช่วยเหลือเราก็ได้ แต่เนี่ยคือเขาคิดว่า เราเซ็นสัญญากับเขาแล้ว แต่ว่าเขาไม่มองถึงว่าฉันจะให้เธอทำอะไรต่อจากนี้ เขาบอกว่าเขาไม่มีนโยบายที่จะให้เงินไปรักษาตัว ค่ายที่เราเซ็น แล้วทีนี้ค่ายอื่น ซึ่งไม่ใช่ค่ายที่เราเซ็นกับเขา

    ชีวิตเราที่กลับมายืนได้อีกครั้ง เพราะค่ายที่เคยเซ็นสัญญา แต่หมดสัญญาไปแล้ว ยื่นมือเข้ามาช่วย เราโทรหาเขาโทรไปขอเงิน เพื่อเอาตัวเองออกจากโรงพยาบาล เพราะไม่งั้นออกไม่ได้ เฮียก็ให้มา 300,000 กว่าบาท 400,000 แหละ ให้มาโดยที่ไม่รู้ว่าจะได้คืนเมื่อไหร่ด้วยนะ เพราะว่าตอนนั้นพี่ยังติดสัญญากับค่ายเก่าอยู่ใช่ไหม แกก็ให้มา แกบอกไม่เป็นไรแกให้มา

    จนทุกวันนี้ก็ยังซึ้งน้ำใจแกอยู่เลย เพราะว่าแกก็แบบช่วยเหลือเราตอนที่เราตกทุกข์ได้ยาก ก็เลยมองว่าเฮียเดี๋ยวออกจากโรงพยาบาลไป จะไปขอยกเลิกสัญญากับค่ายเก่า แล้วก็จะไปร้องใช้หนี้เฮียให้นะ แต่เขาก็ยังแบบไม่เคยทวงเงินสักบาทเลย ทั้งๆที่งานที่ขาย เอาให้เขาไปร้องให้เขาไป เขาไม่ได้ประโยชน์ อะไรจากงานชุดนั้น


    ทุกวันนี้เรายังทำงานอยู่ในองค์การโทรศัพท์ เราไม่ลาออก ก็ร้องเพลงด้วยทำงานราชการไปด้วย วิสาหกิจไปด้วยก็นี่แหละ ก็นึกเสียว่าสงสาร ปรากฏพอมันออกไปปุ๊บคนก็ถาม “เพลงนี้ใครร้อง”ถ้าบอกพี่อ้อยกะท้อนตั้งแต่ทีแรก อาจจะไม่ดังก็ได้เนอะ ลักษณะของการร้องเพลงของพี่เมื่อก่อนที่เป็นสาวรำวง มันเป็นเพลงเร็วเพลงสนุก

    ส่วนใหญ่จะได้รับบทบาทแต่เพลงสนุกเพราะๆหวานๆซึ้งๆไม่ค่อยมี พอเด็กรุ่นใหม่ๆมารู้จัก อ้าวพี่อ้อยร้องเหรอ เราก็เลยได้พวกแบบเด็กรุ่นใหม่ๆมาเป็นแฟนคลับอีกรอบนึง แล้วพี่อ้อยก็เลยมีงานมาตลอด ในชีวิตนี้ก็มี 2 เพลง 3 เพลงที่แบบต้องร้องทุกครั้ง สาวรำวง, นึกเสียว่าสงสาร, สาวน้อยกลับบ้าน 3 เพลงนี้มันก็ติดตัวพี่ไปตลอดเลย

.

ชมคลิป นาที่ที่ 8.49 เป็นต้นไป 

คลิปเปิดไม่ออก >>>>> กดตรงนี้ คลิ๊ก !!!! <<<<<

ที่มา : ต้มยำอมรินทร์

บทความที่คุณอาจสนใจ