"กาญจนา มาศิริ" เปิดใจ ทิ้งวงการไปมีครอบครัว เผยปมน้อยใจพ่อ ถึงขั้นขู่ตัดความสัมพันธ์

LIEKR:

"เจ็บตัวไม่เท่าไหร่ แต่น้อยใจมากกว่า เราเป็นคนเลี้ยงครอบครัวตั้งแต่เด็ก ให้พ่อเก็บเงินมาตลอด จนเราขอเก็บเงินเองปุ๊บมันก็มีปัญหาเกิดขึ้น เหมือนพ่อไม่พอใจ…" #กาญจนามาศิริ

    เป็นอีกหนึ่งนักร้องลูกทุ่งสาวเสียงหวาน กาญจนา มาศิริ ที่ล่าสุดควงสามีหนุ่มหน้าตาดี ต้อม วังมะนาว ออกสื่อครั้งแรก พร้อมเคลียร์ข่าวเม้าธ์ลาวงการไปมีครอบครัว อีกทั้งยังเล่าปมปัญหาครอบครัวที่ตัวเองนั้นน้อยใจคุณพ่อ

    ตอนเด็กลำบากมาก? กาญจนา : “ลำบากมากเลยที่บ้านยากจนมาก คุณพ่อคุณแม่ทำนา เราเกิดมาในครอบครัวที่ยากจนถึงขนาดประตูหน้าต่างไม่มี ประตูห้องน้ำไม่มี แล้วเวลาฝนตกเราต้องหากะละมังไปรองขนาดนั้นเลย”

 

Sponsored Ad

 

    “พ่อกับแม่ทำนาแล้วทำเห็ดฟางด้วย จนกระทั่งกาญอายุ 8 ขวบ มีอาจารย์ท่านหนึ่งที่สอนเราที่โรงเรียน เขาอยากให้เราอ่านทำนองเสนาะก็ฝึกเราให้เป็น แล้วไปประกวดระดับจังหวัด แล้วมีอาจารย์ที่สอนดนตรี ทุกปีทางโรงเรียนจะมีงานโรงเรียนด้วย อาจารย์ท่านนั้นเห็นแววว่าเสียงไปได้เลยฝึกให้เราร้องเพลง พอเราร้องเพลงเป็นปุ๊บ เราก็ไปขอเขาร้องก่อนตามร้านอาหารในจังหวัดเพชรบุรี ก็ไป 2 คนกับคุณพ่อ ตอนนั้น 8 ขวบทำงานแล้ว เราสามารถมีเงินมาช่วยเหลือครอบครัวได้แล้ว”

    เคยได้รางวัลสูงสุดเท่าไหร่? กาญจนา : “นอกจากเพชรบุรี เราก็ไปมหาชัย แล้วไปหัวหินด้วย มากสุดน่าจะได้ 5 พันกว่าบาทต่อคืน มันเยอะมาก เราได้ปุ๊บ เราใส่กระเป๋าให้คุณพ่อเลย คุณพ่อเป็นคนเก็บเงิน พอถึงเวลากลับบ้านก็มานั่งนับกัน มันเยอะที่สุดแล้ว”

 

Sponsored Ad

 

    ตระเวนประกวดกี่ปี? กาญจนา : “ไปเรื่อยๆ เลยถึงอายุ 15 ปี ก็ไปร้องเป็นวงอิเล็กโทนแล้วจะให้ 300 บาทต่อคืน พอเราเริ่มโตจาก 8 ขวบ เราไปร้องร้านอาหารซ้ำๆ มันก็จะเริ่มได้น้อย เราก็รับงานวง งานกินเลี้ยง งานขึ้นบ้านใหม่ไปหมดเลย แล้วเราก็ไปอาศัยรางวัลหน้าเวที คือบางทีอาจจะได้ทิปเป็นพันเลยก็ได้”

    แล้วมาเป็นนักร้องอาชีพได้ยังไง? กาญจนา : “เริ่มตั้งแต่อายุ 15 ไปร้องงานทำบุญขึ้นบ้านใหม่แล้ววันนั้นนายห้าง บริษัท โฟร์เอส ไปงานนั้นด้วย เขาได้ฟังเราร้อง เขาจะเรียกมาให้รางวัลที่โต๊ะ แต่ตอนนั้นคุณพ่อบอกว่าถ้าใครจะให้รางวัลต้องเดินไปให้หน้าเวที เพราะว่าเดี๋ยวไปเจอคนเมาอะไรประมาณนี้ พออีกวันนายห้างให้พี่ทีมงานไปหาเราที่บ้านเลย อยากให้เรามาทำเพลง ช่วงแรกเรากลัวเขาจะหลอกเราไหม จะได้อัดเทปจริงหรือเปล่า ก็ขอเวลาปรึกษากันน่าจะ 3-4 เดือน”

 

Sponsored Ad

 

    “พ่อบอกไปเถอะ เพราะว่ามันเป็นโอกาสของเรา ถ้าเรามีโอกาสนั้นอาจจะได้ทำตามฝันของกาญด้วย ก็เลยตกลงไปเซ็นสัญญาอยู่บริษัท โฟร์เอส อัลบั้มชุดแรก ผู้ใหญ่บ้านหนุ่ม มีแฟนเพลงรู้จักเลย ถ้าไม่มีชุดนี้คงไม่มีใครรู้จักเราแล้วล่ะ”

    เจอกันได้ยังไง? กาญจนา : “มันเป็นโค้งสุดท้ายแล้ว คว้าไว้ก่อน”

 

Sponsored Ad

 

    ต้อม : “เรารู้จักเขาในฐานะศิลปิน เราก็เป็นเด็กบ้านนอกคนหนึ่ง ซึ่งมีความฝันว่าอยากเป็นศิลปิน ดารา ประมาณสัก 7-8 ขวบ เราก็ติดตามข่าวบันเทิง เหมือนเราจะรู้จักว่าคนนี้เป็นนักร้องลูกทุ่ง คนนี้เป็นดาราอะไรอย่างนี้ เราคุ้นๆ เขาตั้งแต่เขาเข้าวงการ วันหนึ่งเรามีโอกาสมาอยู่เพชรบุรี เราจำได้ว่านักร้องคนนี้เป็นคนเพชรบุรี ถ้าเจอจะขอถ่ายรูปสักหน่อย”

    พอเริ่มคุยกัน ในใจมีคิดไหมว่าเจ้าชู้ขนาดนี้ฉันเจ็บแน่ๆ? กาญจนา : “ถามว่ากลัวเจ็บไหม ไม่กลัวนะ รู้สึกว่าทุกคนเคยมีอดีต แต่ถ้ามีเราเมื่อไหร่ต้องหยุด เราคิดว่าคนเจ้าชู้ ต่อให้เจ้าชู้แค่ไหน ถึงจุดจุดหนึ่งเขาต้องหยุดได้ เราก็บอกเขา”

 

Sponsored Ad

 

    ที่หยุดเพราะรัก หรือหยุดเพราะดุ? ต้อม : “ผมว่าผมอิ่มตัวมั้ง เพราะว่าเราเคยอยู่ในวงการแบบนั้น เราเจอผู้หญิงเยอะ เรามองว่าสุดท้ายแล้วมันก็เหมือนๆ กัน พอช่วงอายุหนึ่งที่เรามีครอบครัว เราคิดว่ามันน่าจะพอแล้ว ผมก็เลยมองว่าเราหยุดตรงนี้ดีกว่า แต่ถามว่าความกะล่อนที่มันติดตัวเรามา เสือยังไงมันก็ยังมีเล็บ”

    ตอนแรกๆ คุณพ่อเราไม่ชอบคุณต้อม? กาญจนา : “คือพ่อไม่ค่อยชอบอยู่แล้ว ใครมาเป็นแฟนอะไรแบบนี้ เหมือนพ่อจะรักเรามากจนเราคิดว่าพ่อเขาห่วงเรา ด้วยความที่เราเป็นศิลปินด้วยมั้ง เวลาจะมีใคร หรือใครจะมาเข้าใกล้ คือพ่อเขาห่วงเรา ห่วงจนแบบห่วงมากเกินไป”

 

Sponsored Ad

 

    แล้วผ่านด่านแล้วหรือยัง? กาญจนา : “ถามว่าผ่านไหม ณ วันนี้ยังนะคะ น่าจะยังไม่โอเค แต่เราขอว่าเราจะมีเพราะว่าอายุเราเยอะแล้ว ถ้าเยอะกว่านี้เราอาจจะมีลูกไม่ได้ เพราะว่าเราอยากมีลูก อยากมีครอบครัว อนาคตเราแก่จะได้มีคนดูแลเรา”

    คุณกาญแต่งมากี่ปีแล้ว? กาญจนา : “แต่งตั้งแต่ 36 ปีนี้ 40 ก็ 4 ปี คบกันก่อนหน้านั้นประมาณ 2-3 ปีได้ ตั้งแต่ปี 57 ต้องสู้ไปด้วยกัน สำหรับคนที่มาอยู่กับกาญจะต้องแข็งแรงนิดนึง รักเราอย่างเดียวไม่ได้ ต้องเข้าใจเรา ครอบครัวเราเป็นยังไง”

    คุณพ่อไม่ยอมรับ เราใช้ชีวิตคู่ยังไง? กาญจนา : “ถ้ากาญไม่ตัดสินใจว่าจะมีคู่ ก็ไม่ได้มี ต้องอยู่ไปคนเดียว”

Sponsored Ad

    ต้อม : “ตอนแรกก็อยู่ด้วยกันอยู่แล้ว เขาพ่อแม่อยู่บ้านด้วยกัน แต่เพิ่งมาแยกช่วงปีหลัง ปีสุดท้ายที่เพิ่งมาแยกกัน”

    ตอนนั้นเจ็บตัว หรือเจ็บใจมากกว่ากัน? กาญจนา : “เจ็บตัวไม่เท่าไหร่ แต่น้อยใจมากกว่า เหมือนเราเป็นคนทำเลี้ยงครอบครัวตั้งแต่เด็ก ให้พ่อเก็บเงินมาตลอด จนเราอายุ 20 กว่าที่เราปลูกบ้านหลังใหม่ แล้วรับปริญญาด้วย หลังจากนั้นเหมือนเราขอเก็บเงินเองปุ๊บมันก็มีปัญหาเกิดขึ้น เหมือนพ่อไม่พอใจ เราไม่ได้บกพร่องต่อหน้าที่นะคะ เราให้พ่อตลอดเลย ให้พ่อให้แม่ประมาณนี้”

    ตอนนี้ไม่ได้ตัดความสัมพันธ์กับพ่อ? กาญจนา : “ไม่ได้ตัด เราตัดไม่ได้อยู่แล้ว เรามีหน้าที่ของเราดูแลพ่อแม่ มีครอบครัวก็ต้องดูแลครอบครัวของเราด้วย เพียงแต่ว่าความเข้าใจที่เราจะคุยกันมันยังจูนกันไม่เข้า คุยกันไม่รู้เรื่องแค่นั้นเอง”

    ภาระค่าใช้จ่ายใครเป็นคนรับผิดชอบ? กาญจนา : “ก่อนหน้านี้กาญเป็นคนรับผิดชอบทั้งหมดอยู่แล้ว แต่มีช่วงที่เราไม่สามารถไปงานได้เลย รายได้เราเท่ากับศูนย์ ภาระเราเดือนหนึ่งก็เยอะ ต้องมีเป็นแสน แต่ค่าใช้จ่ายประมาณ 5 หมื่นต่อเดือน”

ชมคลิป

คลิปเปิดไม่ออก >>> กดตรงนี้ คลิก <<<

ที่มา : คุยแซ่บShow

บทความที่คุณอาจสนใจ