เปรตจากการให้ทานอย่างไม่เต็มใจ! เผยสาเหตุของ "เปรต" สมัยพุทธกาล ให้ตัดอ้อยถวายพระพุทธเจ้า จึงจะหลุดพ้นได้!

LIEKR:

"เปรต" ผลของการให้ทานอย่างไม่เต็มใจ!

        "ทาน" หมายถึง การให้ การแบ่งปัน การเสียสละ การเอื้อเฟื้อ หรืออีกความหมายหนึ่งคือ วัตถุที่พึงให้  ทานที่แปลว่า การให้ การแบ่งปัน การเสียสละ การเอื้อเฟื้อ หมายถึงการให้ทานด้วยจิตใจที่ดีงาม มุ่งเพื่อบูชาพระคุณ

        เช่นที่ให้แก่บิดามารดา ถวายแก่พระสงฆ์ เป็นต้นบ้าง มุ่งเพื่อสงเคราะห์ เช่นที่ให้แก่คนตกทุกข์ได้ยาก ให้แก่คนทั่วไปด้วยความกรุณาสงสารบ้าง ทานเป็นบุญอย่างหนึ่ง เรียกว่า "ทานมัย" คือบุญที่เกิดจากการให้ เป็นสังคหวัตถุ คือเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจกันไว้ได้ และเป็นบ่อเกิดแห่งบารมีที่เรียกว่า ทานบารมี การให้ทานมีวัตถุประสงค์สำคัญในการคลายความตระหนี่ ความเห็นแก่ตัว ความโลภในจิตใจมนุษย์ ส่งผลให้เกิดความ ใส สว่าง สะอาดของจิตใจขึ้นมา

 

Sponsored Ad

 

        ในสมัยพุทธกาลก็มีตัวอย่างเรื่องผลแห่งการให้ทานอย่างไม่เต็มใจ ณ กรุงราชคฤห์ มีชายหนุ่มคนหนึ่งเดินแบกอ้อยมาตามถนนพร้อมกับถืออ้อยกินไปด้วยอย่างสบายอารมณ์ และมีอุบาสกคนหนึ่งเดินจูงเด็กน้อยตามหลังชายหนุ่มแบกอ้อยไปด้วย เด็กเห็นชายหนุ่มกัดกินอ้อยอย่างเอร็ดอร่อยก็ร้องอยากจะกินบ้าง ทำให้อุบาสกกล่าวขอแบ่งอ้อยจากชายหนุ่มคนนั้น ซึ่งตอนแรกก็ทำเป็นไม่สนใจ แต่พอเด็กร้องไห้หนักขึ้นก็เลยต้องให้อ้อยไปอย่างเสียไม่ได้

 

Sponsored Ad

 

        โดยหักอ้อยไปท่อนหนึ่งแล้วขว้างให้อุบาสกไปตามเก็บ เพียงแค่กรรมที่ดูเหมือนจะเล็กน้อยนี้แต่มีผลใหญ่ เพราะความตระหนี่ถี่เหนียวนี้เป็นเหตุทำให้เขาต้องไปเกิดเป็นเปรตด้วยวิสัยขี้งก และบาปกรรมที่ได้กระทำต่อเด็กน้อยและอุบาสกคนนั้นจึงเกิดเป็นไร่อ้อยแน่นหนา พอจะเข้าไปหักอ้อยมากินก็ถูกใบอ้อยเชือดเฉือนเป็นอาวุธมีคมและท่อนอ้อยก็จะตีจนสลบ

        วันหนึ่งเปรตตนนี้เห็นพระโมคคัลลานะเดินผ่านมาเพื่อไปบิณฑบาตในเมืองราชคฤห์ จึงได้ถามถึงกรรมที่ตนเองทำไว้และพยายามขอร้องให้ท่านช่วย ท่านโมคคัลลานะจึงแนะนำให้เดินถอยหลังเข้าไปจึงจะหักอ้อยกินได้ เปรตทำตามก็สามารถหักอ้อยกินได้และยังได้หักอ้อยมาแบ่งถวายพระโมคคัลลานะด้วย

 

Sponsored Ad

 

        พระโมคคัลลานะคิดจะสงเคราะห์ช่วยเหลือเปรตจึงให้เปรตตนนั้นแบกมัดอ้อยไปจนถึงวัดพระเวฬุวัน ให้เปรตได้ถวายอ้อยแก่พระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าและภิกษุทั้งหลายได้ฉันอ้อยแล้วก็อนุโมทนาบุญ เปรตก็มีจิตน้อมเลื่อมใส ถวายนมัสการลากลับ ตั้งแต่นั้นมาเปรตก็สามารถไปหักกินอ้อยได้สบาย พอตายจากสภาพที่เป็นเปรตแล้วก็กลายเป็นเทวดาอยู่ในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์

        พระพุทธเจ้าทรงตรัสเรื่องของเปรตตนนี้ให้สาธุชนทั้งหลายฟัง เพื่อให้ผู้คนได้ละเว้นซึ่งความตระหนี่หมั่นบริจาคทานเพื่อชะล้างจิตใจให้ใสสะอาด เพียงแค่จิตคิดตระหนี่และสร้างวิบากกรรมเพียงเล็กน้อยยังต้องไปเกิดเป็นเปรตอย่างนี้ ถ้าหากมีจิตตระหนี่ถี่เหนียวมากๆ สะสมอยู่ในสันดานคงต้องรับผลวิบากกรรมหนักยิ่งกว่าที่เป็นดังในตัวอย่างนี้แน่นอน ดังนั้น "การให้" ใดๆ ก็ตามหากจะเป็นการให้ที่ก่อให้เกิดประโยชน์จริง ก็ควรเป็นการกระทำที่ทำอย่างเต็มใจทำจึงจะเกิดผลบุญสูงสุด


ขอบคุณข้อมูลจาก เพจ แผ่นพับสวดมนต์ธรรมทาน