ชื่นชม! กำนันหมอสมุนไพร อุทิศตนเพื่อชุมชน ค้นคว้าพืชรักษาผู้ป่วย

LIEKR:

ชื่นชม! กำนันหมอสมุนไพร อุทิศตนเพื่อชุมชน ค้นคว้าพืชรักษาผู้ป่วย

    "ถ้าผู้นำไม่ช่วยกันอนุรักษ์ สมุนไพรไทยก็จะหายจากไปสังคมไทย" เป็นพระราชดำรัสตอนหนึ่งครั้งที่ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจในพื้นที่อุทยานแห่งชาติภูสวนทราย อ.นาแห้ว จ.เลย เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2547 

    พระราชดำรัสดังกล่าวเป็นแรงบันดาลใจให้ “วิรัตน์ กาลภูมิ” ผู้ใหญ่บ้านหัวนา หมู่ 3 ต.แสงภา อ.นาแห้ว จ.เลย สมัยนั้น ปัจจุบัน อายุ 58 ปี เป็นกำนันตำบลแสงภา มุ่งมั่นค้นคว้าพืชสมุนไพรที่อยู่มากมายในพื้นที่นำมาปรุงรักษาให้แก่ลูกบ้านมาจนถึงทุกวันนี้

 

Sponsored Ad

 

    “วิรัตน์” บอกว่า ตำบลแสงภามีพื้นที่เล็ก ๆ เป็นส่วนหนึ่งของ อ.นาแห้ว ประกอบด้วย 6 หมู่บ้าน คือ หมู่ 1 บ้านแสงภา,หมู่ 2 บ้านป่าก่อ,หมู่ 3 บ้านหัวนา,หมู่4 บ้านนาปอ,หมู่ 5 บ้านบ่อเหมืองน้อย และหมู่ 6 บ้านห้วยน้ำผัก ชาวบ้านเคร่งครัดในการถือศีลช่วงวันโกน และวันพระ จะละเว้นจากการกินเนื้อสัตว์ และการทำงานทุกอย่าง-เข้าวัดเพื่อรักษาศีล

 

Sponsored Ad

 

    “ผมเกิดที่บ้านโนนหัน ต.โนนหัว อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น จบม.ศ.5 โรงเรียนชุมแพศึกษา ปวช. สาขาการบัญชี วิทยาลัยอาชีวศึกษาเลย และได้ศึกษาที่ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพวัดนาฮุง เรียนจบเภสัชกรรมแผนไทย รุ่นที่ 1 ของ จ.เลย โดยระหว่างปี 43 – 45 ได้เข้าร่วมกิจกรรมเข้าร่วมโครงการสร้างป่าสร้างรายได้ ต้องทำงานเรื่องสมุนไพรเรื่องการดูแลสุขภาพโดยรวมของชุมชน ตอนเด็ก ๆ จำได้เห็นบรรพบุรุษนำสมุนไพรมาใช้ในการรักษาโรคต่าง ๆ ไมว่าโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร เป็นไข้ตัวร้อน โรคเกี่ยวกับทางเดินปัสสาวะ โรคเกี่ยวกับความจำ และอีกหลาย ๆ โรค”

 

Sponsored Ad

 

    กระทั่งได้มีโอกาสเรียนรู้-ทำงานกับสิ่งที่ตัวเองชอบ โดยเข้าร่วมโครงการสร้างป่าสร้างรายได้ เป็นคณะกรรมการโครงการฯ ดูแลพืชสมุนไพรในโครงการฯ เรื่องภูมิปัญญาไทย กิจกรรมหลักคือ การเผยแพร่วัฒนธรรมประเพณี และภูมิปัญญาไทยเกี่ยวกับการใช้สมุนไพรในการรักษาโรค การอนุรักษ์แหล่งเรียนรู้ การอนุรักษ์พืชสมุนไพรในป่าอนุรักษ์เขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติภูสวนทราย และโครงการเรียนรู้เรื่องการปลูกไม้ 3 อย่างได้ประโยชน์ 4 อย่าง โดยนำพืชสมุนไพรทั้งประเภทต้น ประเภทหัว ประเภทเถา และประเภทพุ่มเข้าไปปลูกในโครงการศูนย์เรียนรู้ที่โรงเรียนนาแห้ววิทยา และสถานศึกษาอีกหลายแห่ง

 

Sponsored Ad

 

    หมอสมุนไพร บอกอีกว่า ปัจจุบันโครงการสร้างป่าสร้างรายได้ดำเนินโครงการผลิตยาหลายตำรับ เช่น เกี่ยวกับการรักษาโรคกรดไหลย้อน โรคเก๊าท์ โรคไต โรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ และที่สำคัญที่สุดก็คือเรื่องการสนับสนุนผลิตผลจากโครงการสร้างป่าสร้างรายได้ในการทำเรื่องน้ำสมุนไพรแปรรูปเป็นน้ำดื่มสมุนไพร สำหรับเรื่องการรักษาคิดค่าบูชาครู เพียง 9 บาท และแต่งขัน 5 ตัวอย่างสมุนไพรที่ใช้ทำยาในโครงการฯมี มุ่นแดง เป็นไม้พุ่ม ยาเชิงเดี่ยวผสมกับข้าวเย็นเหนือข้าวเย็นใต้ต้มรับประทาน ใช้ในการรักษาโรคไตโดยไม่ต้องฟอกไต ยาอีกตำรับหนึ่งที่เป็นที่รู้จักใช้ในการรักษาโรคกรดไหลย้อน เป็นตำรับของบรรพบุรุษสอนมา มีสมุนไพรที่มีอยู่ในพื้นที่โครงการฯ คือ ใบเปล้าน้อย-เปล้าใหญ่ ใช้คลอโรฟิลล์ ผสมกับกล้วยน้ำว้าห่ามแก่ ขมิ้นอ้อย ขมิ้นชัน น้ำผึ้งเดือนห้า น้ำผึ้งหลวงกินกับน้ำร้อน ซึ่งตำรับนี้ นำไปถวายงานที่วังสระปทุม เมื่อครั้งไปปลูกพืชสมุนไพรในวังฯถึง 3 ครั้ง

 

Sponsored Ad

 

    “นอกจากนี้พระองค์ท่านยังมีพระราชประสงค์ไปทำ ลูกประคบสูตรพระราชทาน ประกอบด้วยว่าน สมุนไพร 13 ชนิด 1.กระวาน 2.กานพลู 3.ว่านมหากำลัง 4.ว่านมหาเมฆ 5.ว่านพาก 6.ว่านขอทองแก้ 7.ขมิ้นชัน 8.ขมิ้นอ้อย 9.เปล้าใหญ่ 10.ต้นหนาด 11.สาบเสือ 12.เถาเอนอ่อน และ13.อวดเชือก ซึ่งทั้ง 13 ชนิดมีอยู่ในพื้นที่ป่าอันอุดมสมบูรณ์ในตำบลแสงภา ทั้งนี้การดำเนินโครงการสร้างป่าสร้างรายได้ตามแนวทางพระราชดำริของพระองค์ท่านได้สร้างประโยชน์ให้กับประชาชนเป็นอย่างยิ่ง โดยเน้นย้ำแผนงานที่วางไว้คือ 1.การเผยแพร่ให้ความรู้ กับนักเรียน บุคคลทั่วไปที่สนใจ และผู้เดินทางมาขอดูงาน 2.การแปรรูปสมุนไพรสำเร็จรูป ถือว่าเป็นบุญของพสกนิกรชาวไทยอย่างล้นพ้นที่มีเจ้าฟ้า-เจ้าแผ่นดินที่พระองค์ทรงมีพระปรีชาสามารถ-มีพระวิสัยทัศน์ก้าวไกล”

 

Sponsored Ad

 

    ค่าบูชาครู เพียง 9 บาท รักษาโดยยาสมุนไพรไทย...ของดี ๆ สิ่งดี ๆ ประเทศเรามีอยู่มากมาย โดยเฉพาะสมุนไพรไทยที่นำมาใช้ในการรักษาโรคต่าง ๆ ต่างชาติเองเขามองพร้อมกระโจนเป็นเจ้าของสิ่งที่เราไม่เห็นคุณค่า-ไม่อนุรักษ์รักษาไว้...ยิ่งโลกเจริญก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีมากเท่าใด ชีวิตคนก็จะสั้นตามไปด้วยเช่นกันน่าจะเป็นเรื่องจริง...สิ่งที่พระองค์ท่านมีพระราชดำรัสเอาไว้ อย่าฟังแล้วปลื้มอย่างเดียว พวกเราต้องเอามาปฏิบัติ สุดท้ายประโยชน์ก็จะตกกับประชาชน และประเทศชาติเหมือนอย่างที่“วิรัตน์”นำมาปฏิบัติ

ข้อมูลและภาพจาก dailynews

บทความที่คุณอาจสนใจ