พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส ลุงไม่ของอมืองอเท้า ปลูก "ผักกูด" ขาย สร้างรายได้เท่าพนักงานออฟฟิศ

LIEKR:

เยี่ยมไปเลยค่ะ ขอเป็นกำลังใจให้คนขยันทำกิน!

        “ผักกูด” เป็นผักพื้นบ้านที่มีคุณค่าทางด้านอาหาร โดยเฉพาะเบต้าแคโรทีนและธาตุเหล็ก ซึ่งหากรับประทานผักกูดจะช่วยบำรุงเลือดได้เป็นอย่างดี เป็นผักที่มีเส้นใยสูงช่วยในการระบาย รับประทานได้ทั้งสดและปรุงเป็นอาหาร เช่น ลวกหรือต้มจิ้มกับน้ำพริก ผักกูดต้มกับกะทิ ยำผักกูด ผัดผักกูดไฟแดง แกงส้ม และแกงเลียง เป็นต้น

        สำหรับรูปแบบของการปลูกผักกูดสามารถทำได้ถึง 2 วิธีคือ

 

Sponsored Ad

 

        1. การปลูกร่วมกับพืชชนิดอื่นเพื่อช่วยในการทางแสงเช่นปลูกร่วมกับกล้วยหรือปลูกผักผลไม้ยืนต้น

        2. ปลูกภายใต้ร่มเงาตาข่ายพรางแสงที่สามารถทางแสงได้ตั้งแต่ 50 ถึง 60 เปอร์เซ็นต์

ระยะปลูกที่ใช้ระหว่างแถวต้นละ 50 เซนติเมตร

 

Sponsored Ad

 

        การดูแลรักษา

        เน้นการใช้ปุ๋ยอินทรีย์เป็นหลักใส่ประมาณครั้งละ 1 ถึง 2 กิโลกรัมต่อต้น ใส่ทุกๆ 3 เดือนต่อครั้ง ร่วมกับการพ่นปุ๋ยอินทรีย์ชนิดน้ำ 1 ถึง 2 ครั้งต่อเดือนในช่วงที่เริ่มเก็บผลผลิตแล้วจะช่วยให้ได้ต้นที่มีการเจริญเติบโตและผลผลิตที่ดี หลังปลูกผักกูดประมาณ 6-8 เดือนจึงเริ่มเก็บผลผลิตได้

 

Sponsored Ad

 

        โดยเก็บส่วนยอดความยาวประมาณ 25-30 เซนติเมตรผลผลิตที่ได้เฉลี่ยประมาณ 200 กิโลกรัมต่อไร่ นอกจากนี้การเก็บผักกูดไม่ค่อยมีแมลงรบกวนการปลูกจึงไม่มีการใช้เคมีเพื่อป้องกัน จึงเหมาะอย่างยิ่งในการผลิตเป็นผักออร์แกนิค

        ตัวอย่างของเกษตรกรที่มีประสบการณ์ในการปลูก ผักกูด คือ นายอาคม ทัศนะนาคะจิตต์ เกษตรกรในพื้นที่อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมาได้เผยว่าสนใจและอยากปลูกผักกูดมานานแล้วเพราะเป็นผักที่มีรสชาติอร่อยและหาซื้อรับประทานได้ยากหากไม่ใช่ฤดูกาลที่มีผลผลิตออกมาตามธรรมชาติ แทบจะหาซื้อไม่ได้

 

Sponsored Ad

 

        จากนั้นจึงเริ่มหาแหล่งต้นพันธุ์จากคนที่รู้จัก ซึ่งปลูกอยู่ที่จังหวัดจันทบุรี นำมาปลูกในพื้นที่ข้างบ้านประมาณ 3 ไร่ ปลูกร่วมกับต้นมะเขือพวง ช่วงเดือนแรกที่ปลูกสังเกตว่าต้นกล้ามีอาการเหลืองไม่เป็นสีเขียว

 

Sponsored Ad

 

        จึงได้ปรึกษานักวิจัยของสถานีลำตะคองเพื่อเข้าไปดูแปลง ได้รับคำแนะนำว่า แปลงปลูกแสงแดดจัดเกินไป ควรที่จะมีการพรางแสงด้วยซาแลน และรดน้ำให้ต้นได้รับความชื้นที่เหมาะสมจะทำให้ต้นโตดี จึงตัดสินใจซื้อวัสดุมาบางส่วนร่วมกับวัสดุที่มีอยู่แล้วทำเป็นโครงเพื่อขึงซาแลน ซึ่งเห็นได้ชัดว่าหลังจากการพรางแสงและให้น้ำอย่างเหมาะสม ต้นผักกูดเจริญเติบโตดีมาก

        ตอนนี้ปลูกได้ประมาณ 8 เดือนแล้วเริ่มเก็บผลผลิตได้แต่ละวันผักกูดได้ประมาณ 10 ถึง 15 กิโลกรัม มีคนมารับซื้อถึงหน้าสวน ราคา 60 บาทต่อกิโลกรัม มีรายได้เข้ามาประมาณ 600 ถึง 1,000 บาท เดือนหนึ่งตกเฉียดสามหมื่นเท่ารายได้พนักงานเอกชน ถือว่าช่วยลดผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจได้เป็นอย่างดี และในอนาคตหากช่องทางการตลาดไปได้ดีก็จะขยายพื้นที่ปลูกเพิ่มขึ้น และผลิตต้นพันธุ์จำหน่ายให้กับผู้ที่สนใจอยากจะทดลองปลูกผักกูด

ที่มา : sentangsedtee

บทความที่คุณอาจสนใจ