"สาวิตรี สามิภักดิ์" เปิดใจชีวิตตอนเด็ก เคยยากจน ต้องพับถุงขาย เป็นดาราที่พ่อแม่ไม่ยอมรับ

LIEKR:

"สาวิตรี สามิภักดิ์" เปิดใจชีวิตตอนเด็ก เคยยากจน ต้องพับถุงขาย เป็นดาราที่พ่อแม่ไม่ยอมรับ

หมายเหตุ : สามารถรับชมคลิปเพิ่มเติมได้ที่ด้านล่างบทความค่ะ 

    ถ้าจะพูดถึงนักแสดงหญิงร่วมสมัยที่เคยเล่นละครมาแล้วแทบทุกบทบาท ไม่ว่าจะเป็นบทนางเอกใสซื่อถูกตัวร้ายใส่ความจนพระเอกต้องรีบรี่มาช่วย ไปจนถึงบทนางร้ายที่พานให้คนเกลียดกันทั้งเมือง เธอคนนี้นั้นสามารถสวมทุกบทละครอย่างตั้งใจ เธอทุ่มเทฝากฝีมือไว้ไม่เคยห่างหายไปจากหน้าสื่อไทยเลยจริงๆ "สาวิตรี สามิภักดิ์" ...

    จากเด็กผิวขาวผมทองราวกับลูกครึ่งฝรั่ง ใครๆ อาจคิดว่าดี แต่กับผู้หญิงคนนี้มันกลายเป็นปมที่ซ่อนไว้อยู่ภายในจนเกิดปัญหาหลายอย่างตามมา วันนี้ "ต่อง สาวิตรี สามิภักดิ์" พร้อมเปิดใจถึงเรื่องราวต่างๆ ตั้งแต่ก่อนเข้าวงการ จนถึงตอนนี้อย่างไม่มีหมกเม็ด ...

 

Sponsored Ad

 

    "ส่วนใหญ่จะเล่นเป็นคนรวย ย้อนไปตั้งแต่เรียนคนอื่นจะคิดว่าบ้านรวย แต่จริงๆ "จน" แต่เพราะเราตัวขาว ผมทองเหมือนฝรั่ง พอบอกว่าบ้านจนก็ไม่มีใครเชื่อ เราไม่ได้เป็นคนกลัวความจนนะและไม่รู้สึกอายด้วย ตอนเด็กๆ รู้สึกว่าจนแล้วมันสนุก แต่แรกๆ อาจจะอายนิดหน่อย แต่พอมันผ่านไปได้ก็ไม่อาย เรื่องแบบนี้มันอยู่ที่มุมมองของเรามากกว่า"

 

Sponsored Ad

 

พี่น้องตั้ง 6 คน ลำบากขนาดไหน ?

    "คือฐานะทางบ้านไม่ดี แต่คุณพ่อให้ลูกๆ เรียนโรงเรียนคอนแวนต์หมดเลย ค่าเทอมมันสูง ตอนเด็กๆ พี่ประมาณ 12-13 ปี คุณแม่ทำงานแม่บ้านฝรั่ง พอฝรั่งกลับประเทศเราก็ต้องหาที่เช่าบ้านใหม่ คุณแม่ก็เลยมาช่วยป้าขายของ ได้เงินวันละ 50 บาท ซึ่งทุกวันพฤหัสบดีพี่จะได้ไปช่วยล้างจาน และก็ได้เงินเพิ่มอีก 15 บาท แต่พี่จะแอบเอาเงินป้าตลอด เพราะรู้สึกว่าป้าให้เงินแม่น้อยไป แล้วตอนเอาเงินป้าพี่ก็ไม่ได้รู้สึกผิดนะ เพราะเราเอาไปให้แม่"

 

Sponsored Ad

 

เคยพับถุงขายด้วย ?

    "พี่ทำหลายอย่าง พี่ก็ถามป้าว่าซื้อถุงมาเท่าไหร่ เราก็พยายามพับแล้วเอาไปบังคับให้ป้าซื้อจากพี่ (หัวเราะ)"

 

Sponsored Ad

 

เป็นปมในใจหรือเปล่า ?

    "คนถามพี่ตลอดเลย แต่พี่ว่าไม่นะ พี่มองว่าเป็นคนจนมันสนุก พี่เป็นเด็กซนมาก ตอนอยู่ในสวน อยากกินอะไรก็ยกมือไหว้แล้วเด็ดจากต้นเลย ถามว่ามีวีรกรรมอะไรไหม เอ่อ...พี่จะมีคอนเซปต์ชัดเจนตั้งแต่เด็กว่าพ่อตีได้ แม่ตีไม่ได้ มีครั้งหนึ่งแม่ไล่ตีพี่ พี่กระโดดท้องร่องหนีไปเกี่ยวกับลวดตาปูดเลย ตั้งแต่นั้นมาแม่ไม่กล้าตีพี่อีกเลย คือพี่ซนมาก"

อย่างประเด็นผมทอง หน้าเหมือนฝรั่ง ตัวขาว คนก็ล้อว่าหน้าตาไม่เหมือนพี่น้อง ?

 

Sponsored Ad

 

    "โดนทุกอย่างจริงๆ มันทำให้เราเป็นเด็กมีปมด้อยและมีปัญหา มันเริ่มจากเพื่อนแม่ เขาพูดว่าเก็บมาจากถังขยะ และมีคำอื่นๆ อีกมากมาย ที่พยายามบอกว่าเราไม่ใช่ลูกของพ่อแม่ ในตอนนั้นเราอาจจะเถียงไปแต่มันก็สะสมอยู่ในใจ มันมีคำถามอยู่ในใจหรือเราไม่ใช่ลูกเขาจริงๆ ด้วยความต่าง คำพูดที่ตอกย้ำ ตอนเด็กๆ ทุกคนเกิดจะรู้เพราะเราเป็นเด็กขี้สงสัย ซึ่งตอนเด็กๆ เรายังอยากจะไปเช็กที่โรงพยาบาลเลยว่าเราเกิดที่นั้นจริงหรือเปล่า ก็คิดมาเรื่อยๆ จนแม่เสียก็เลิกคิดเพราะไม่อยากได้คำตอบอะไรอีกแล้ว เอาจริงๆ พี่เคยคิดจะตรวจดีเอ็นเอเลยด้วยซ้ำ แต่ ณ ตอนนี้ก็แฮปปี้กับชีวิต ไม่สงสัยอะไรทั้งนั้น"

 

Sponsored Ad

 

เข้าวงการบันเทิงมาแต่พ่อแม่ไม่สนับสนุน ?

    "พ่อไม่ชอบเลย เขาเรียกเต้นกินรำกิน คือพี่เริ่มจากการถ่ายโฆษณาก่อนแล้วค่อยมาเล่นหนัง เล่นละคร คือพ่อไม่ชอบ แต่ด้วยเงื่อนไขในการดำรงชีพมันไม่ได้ พอพ่อเลิกทำงานตอนนั้นอายุ 60 กว่า แม่เป็นแม่ค้า มันไม่พอ จังหวะดีตอนนั้นพี่ได้ถ่ายโฆษณาได้ 10 บาทให้แม่ 5 บาท พอมาเล่นหนังแรกๆ ให้แม่ครึ่งหนึ่ง มันคือเหตุผลที่ทำให้พ่อไม่ปฏิเสธในการเข้าวงการของพี่"

Sponsored Ad

แล้วทำไมตอนนั้นถึงได้ถ่ายโฆษณา ?

    "พี่เดินไปวัดกับน้อง ก็มีพี่คนหนึ่งชื่อพี่ต๋อมแล้วให้นามบัตร ตอนนั้นก็คิดว่าเขาสนใจน้องเรา เพราะน้องสวย เขาก็โทรศัพท์มาที่ร้านอยากให้พี่ไปแคสต์ เราก็ลองไปแคสต์ชิ้นแรกได้เลย คือพี่เริ่มทำงานช่วยครอบครัวตั้งแต่อายุ 13 ปี ตอนนั้นเป็นครูสอนพิเศษ พี่สอน อยู่ 6-7 ปี"

คุณแม่ได้ดูละครบ้าง แต่พ่อไม่ดูเลยจนวินาทีสุดท้ายของเขา ?

    "คือพ่อไม่ชอบดูละครอยู่แล้ว จริงๆ ตอนคุณพ่อเสียพี่ทำรายการสดอยู่ แต่ที่บ้านไม่ยอมโทร.มาบอก จนคุณหมอที่โรงพยาบาลโทร.มาบอกว่าพ่อเสีย พี่ก็สติแตกเลย พี่รับไม่ได้ เพราะนั่นคือการสูญเสียพ่อ พอแม่เสียพี่ก็ช็อกอีก คือพี่ไม่รู้ว่าพี่รักเขาแค่ไหน เพราะตอนเราเป็นเด็กเรารู้สึกว่าเขาไม่ค่อยรัก พี่ก็จะถามพ่อตลอดว่า 'รักติ้งต่องไหม' ในที่สุดพ่อก็บอกว่ารัก แต่แม่ไม่เคยพูดเลย พี่ก็ถามทุกวัน วันนั้นแม่บอกกับน้องว่าติ้งต่องยังไม่มาหรอ คิดถึง พอพี่ไปถึงพี่ก็ถามว่ารักติ้งต่องมั้ย เป็นครั้งเดียวและครั้งแรกในชีวิตก่อนเขาจะเสีย เขาบอกว่ารัก"

ถ้ามีโอกาสได้พูดกับคุณพ่ออีกครั้งจะบอกว่าอะไร ?

    "คือพ่อจะหวงตลอด เพราะเราเป็นคนเดียวที่ไม่มีครอบครัว พ่อกลัวตอนแก่ๆ จะไม่มีใครดูแล ถ้าพ่อได้ยินจะบอกว่า พ่อไม่ต้องห่วง แม้จะไม่มีครอบครัว แต่สัญญาจะใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างรอบครอบ จะเก็บตังค์เยอะๆ แม้ไม่มีคนดูแลเราจะจ้างคนดูแลก็ได้"

โรคที่พี่เป็นรักษายังไงก็ไม่หาย ?

    "พี่เป็นไทรอยด์เป็นพิษ และเป็นการกลับมาเป็นครั้งที่ 2 ตอนที่พี่อายุยี่สิบกว่าๆ พี่เป็นไฮเปอร์ไทรอยด์ชนิดเผาผลาญมาก น้ำหนักลด อาทิตย์ละ 3 กิโลฯ พี่ก็ดูแลตัวเองตลอด แต่ก็กลับมาเป็นอีกครั้ง"

เห็นว่าไม่หายต้องทานยาตลอดชีวิต ?

    "ก็คุยจริงจังกับคุณหมอว่าเราจะหายไหม หมอก็บอกว่าการเป็นครั้งที่ 2 มันไม่ส่งผลแล้วนะ ก็ต้องกินยาไปตลอดชีวิต แรกต้องเจาะเลือดทุกเดือน หลังๆ 3 เดือนเจาะสักครั้ง"

ระยะเวลาที่ผ่านมาได้ข้อคิดอะไรบ้าง ?

    "พี่ว่ามนุษย์มันอยู่ที่มุมมอง พี่เคยโดนโจรขโมยของ 2 รอบแล้ว ถ้าเราถูกเอาไปแล้วต้องซื้อใหม่เราก็เหนื่อย เราก็คิดว่าถ้าเราไม่ใส่แบรนด์เนมเป็นไรไหม ก็ไม่ คือทุกอย่างมันอยู่ที่ความพอใจ ตอนที่ไม่มีแฟนทุกคนคิดว่ามันแย่ ซึ่งมันอาจจะมีช่วงแย่แต่สักพักเมื่อเราหาทางออกได้ อยู่กับปัจจุบันอยู่คนเดียวกับโรคแบบนี้ซึ่งมันจะไม่หาย ถ้าเราเปลี่ยนมุมมองชีวิตเราก็อยู่กับมันอย่างมีความสุข ไม่ว่าใครบนโลกนี้ก็ให้กำลังใจคุณไม่ได้นอกจากตัวคุณเอง"

.

ชมคลิป

คลิปเปิดไม่ออก >>>>> กดตรงนี้ คลิ๊ก !!!! <<<<<

ข้อมูลและภาพจาก คุยแซ่บ Show

บทความที่คุณอาจสนใจ