“เพราะความมีวินัยทำให้ตนเองโดดเด่น ยอดเยี่ยม ความพยายามของคุณ ไม่มีใครมาขวางกั้นได้” หวังว่าคุณจะเป็นเหมือนผู้หญิงคนนี้ เธอมีนามว่า จางซิน เพราะความพยายามทำให้เธอประสบความสำเร็จในวันนี้

    สื่อต่างประเทศได้เปิดเผยเรื่องราว หลายคนเมื่อเริ่มต้นปีใหม่ก็จะวางแผนเป้าหมายต่างๆ เช่น การเก็บออมเงิน ลดน้ำหนัก หาแฟนแต่งงาน ฯลฯ  และ จางซินก็มีเป้าหมายสำหรับปีใหม่ของเธอเช่นกัน เป้าหมายของเธอคือ ใน 1 ปีจะเดินทางไป 2 ประเทศที่ไม่เคยได้ไป อาทิตย์หนึ่งจะเขียนบันทึกไดอารี่ 3 วัน และทุกอาทิตย์จะวิ่งออกกำลังกาย 4 ครั้ง เธอให้เหตุผลว่า 

    “การไปประเทศใหม่ๆก็เพื่อเสริมสร้างความสดใหม่ ความอยากรู้อยากเห็น ,การเขียนไดอารี่เป็นโอกาสที่จะไตร่ตรองตัวเองและการวิ่งคือการทำให้ชีวิตเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา”

    จางซิน อายุ 54 ปี CEOและผู้ร่วมก่อตั้ง ของบริษัท SOHO ในประเทศจีน และเป็นภรรยาสุดแกร่งของนาย พันซือยี่ นักธุรกิจชื่อดังของประเทศจีน น่าแปลกมากที่เป้าหมายของผู้หญิงนักธุรกิจไม่ใช่การหาเงิน แต่เป็นการวิ่ง เพราะอะไรกัน?

    ในช่วงเดือนมีนาคม ปี 2018 สถาบันวิจัย Hurun ซึ่งเป็นสถาบันรวบรวมเหล่านักธุรกิจหญิงที่ร่ำรวยอันดับต้นๆของประเทศ และจางซินก็ถูกเปิดเผยทรัพย์สมบัติในครอบครองที่มีมากกว่า 2.85 หมื่นล้านหยวน อยู่อันดับที่ 11 ของโลกและอันดับที่ 6 ของประเทศจีน เธอถูกขนานนามว่าเป็นผู้หญิงแกร่ง 

    อายุ 14 ปี อพยพไปอาศัยในฮ่องกง เรียนจบปริญญาโท จากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ (University of Cambridge) ประเทศอังกฤษ

    ในปี 1994 แต่งงานกับสามี พันซือยี่

    1995 ย้ายกลับไปที่ปักกิ่ง ประเทศจีนเพื่อร่วมกันก่อตั้งบริษัท SOHO กับสามี

    เธอเป็นผู้หญิงอันดับต้นๆที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์

    ในเดือนตุลาคม ปี 2007 บริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงประสบความสำเร็จในการสร้าง IPO บริษัท อสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียจนถึงปัจจุบัน

    เธออยู่ในรายชื่อนักธุรกิจหญิงที่มีอิทธิพลมากที่สุดของนิตยสารฟอร์จูนในเอเชียแปซิฟิก

    นอกจากนี้ยังเสนอชื่อเข้าชิง Forbes Global รายการร้อยผู้หญิงที่ทรงอิทธิพลมากที่สุด

    ได้รับการยกย่องจากสื่อท้องถิ่นหลายแห่งว่าเป็นหนึ่งในนักธุรกิจหญิงที่โด่งดังที่สุดในเอเชีย

    สามีของเขาเป็นคนวิ่งไปไม่ได้ไกลเท่าไหร่ แต่เพราะคำหนุนใจและให้กำลังใจของภ ร ร ย า ที่รัก ทำให้เขาเริ่มต้นที่จะฝึกวิ่งมากขึ้น โดยเริ่มจากปี 2001 

     ในตอนแรกเธอยังไม่รู้จักการวิ่งที่ถูกวิธี วิ่งได้ประมาณ 15 นาทีก็เหนื่อยหอบ อาทิตย์หนึ่งจะวิ่งแค่ 2 ครั้ง ทำให้รูปร่างของเธอไม่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด 

    ต่อมาเธอเพิ่มเป็นอาทิตย์ละ 3 ครั้ง วิ่งครั้งละ 15 นาทีและเดินเร็วอีก 15 นาที แต่ก็ยังไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน ภายหลังเธอถึงเข้าใจว่า ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม ขอให้มีความพยายามอย่างมากจึงจะแลกมาด้วยผลลัพธ์แห่งความสำเร็จ ทำให้เธอวิ่งทุกวันวันละ 30 นาทีขึ้นไป

    หลังจากวิ่งแบบนี้ไปสักพักเธอเริ่มรู้สึกว่าสุขภาพร่างกายของเธอเริ่มดีขึ้น  เธอบอกว่า "การวิ่งนอกบ้านไม่เพียงแค่ทำให้ได้ขยับขาเท่านั้น หัวใจจะเต้นเร็ว ผิวพรรณ ตา หู จมูก ฟังก์ชั่นประสาทสัมผัสทั้งหมดของคุณก็จะได้รับการระดมกำลัง ทำให้ทั่วทั้งร่างกายได้รับการเคลื่อนไหวทั้งหมด"

    เธอบอกว่าเสียใจจริงๆที่ตอนอายุ 20 ปี ยังไม่รู้จักการวิ่ง และไม่ได้เริ่มต้นที่จะวิ่ง หากในตอนนั้นเริ่มวิ่งคงจะกลายเป็นนักกีฬาทีมชาติไปแล้วก็ได้

    เธอบอกว่าในตอนแรกก็เริ่มจาก 3 กม.,5 กม.,10 กม. ค่อยๆเพิ่มขึ้นจนถึง 15กม., 20 กม.

    และเธอก็ได้ให้กำลังใจสามีที่จะออกมาวิ่ง และหลังจากวิ่งได้ระยะหนึ่งเธอก็หลงรักมันมาก ทำให้เธอขาดไม่ได้ที่จะวิ่งในทุกๆเช้า แม้ว่าจะยุ่งแค่ไหนก็จะไม่หยุดวิ่ง จะพยายามหาเวลามาวิ่งให้ได้

    เธอมักจะใช้เว่ยป๋อในการจดบันทึกการวิ่งของตนเอง บางครั้งยังมีแผนที่ด้วย เธอและสามีวิ่งไปรอบทั่วหมู่บ้านและเพิ่มระดับมากขึ้น จนหลายคนบอกว่าพวกเขาคือ “คู่รักแห่งนักวิ่งมาราธอน”

    พวกเขาทั้งคู่เริ่มเข้าร่วมการแข่งขันวิ่ง เมื่อปี 2015 ในวันที่ 13 เมษายน ปี 2015 พวกเขาจูงมือกันไปร่วมแข่งขันการวิ่งมาราธอนที่ปารีสเป็นครั้งแรก รวมเวลาที่วิ่งไป 5 ชม. 27 นาที

    มีคนบอกว่าหากได้ร่วมการแข่งขันวิ่งมาราธอนก็จะหลงรักการวิ่งไปเลย และก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ

    เดือนพฤศจิการยน ปี 2015 เธอและสามีก็ได้ร่วมวิ่งที่นิวยอร์กด้วย 

    เดือนพฤศจิการยน ปี 2016 เธอก็เดินทางไปร่วมแข่งขันอีกครั้ง

    เธอยังให้กำลังใจลูกชายที่จะเข้าร่วมการวิ่งด้วยกัน และเธอก็ออกมาแนะนำวิธีการวิ่งที่มีประสิทธิภาพตามแบบฉบับของเธอดังนี้:

    1.เวลาวิ่งให้ใช้ปากหายใจ ไม่ใช่จมูก

    2.หายใจเข้า 2 ครั้ง หายใจออก 1 ครั้ง (แบบนี้ถึงจะมีเรี่ยวแรงพอ)

    3.เวลาวิ่งให้หย่อนเท้าบริเวณด้านหน้าลง ไม่ใช่ส้นเท้า 

    มีหลายคนถามเธอว่า พวกเธอวิ่งขนาดนี้แต่ทำไมยังดูอ้วนอยู่ล่ะ? เธอตอบว่า “พวกเราวิ่งมากไป อาศัยการวิ่งเท่านั้นไม่เพียงพอ ฉะนั้นเราต้องกินให้พอดี”

    เธอบอกว่าตอนนี้นอกจากการวิ่งแล้ว เธอยังหันมาเล่นโยคะอีกด้วย ทำวันละ 5 เช็ต เซ็ตละ 20 ครั้ง รวมทั้งหมด 100 พอดี

    การวิ่งทำให้สมรรถภาพร่างกายของเธอดีกว่าเพื่อนคนอื่นในวัยเดียวกัน : สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องมุ่งมั่น มีความพยายาม ต้องวิ่งทุกวัน วันละ 30 นาที 5 กิโลเมตร เช่นนี้ระบบการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ ภายในร่างกายของเราจึงจะได้รับการปรับปรุงพัฒนาให้ดีขึ้น หัวกุญแจสำคัญคือ ต้องการออกกำลังกายทุกวัน 

    เธอบอกว่าในแต่ละเดือนเธอวิ่งไป 150 กิโลเมตร และตอนนี้เริ่มพัฒนาเป็น 200 กิโลเมตรแล้ว โดยแบ่งเป็นอาทิตย์ละ 4 ครั้ง ครั้งละ 10 กิโลเมตร และเข้าร่วมการวิ่งมาราธอนปีละ 3-5 ครั้ง ธุรกิจก็ดี สุขภาพจิตก็ดี สุขภาพกายยิ่งไม่ต้องพูดถึง

    หลายคนบอกว่า “แน่นอนสิตอนนี้มีเงินแล้ว มีเวลาว่างเยอะแยะก็สามารถมาวิ่งได้” เธอตอบกลับไปว่า “ที่จริงเงินเป็นเพียงผลลัพธ์ และกระบวนการนี้ต้องมีความครอบคลุม ต้องมีวินัยในตนเองอย่างต่อเนื่อง”

    เธอบอกว่าไม่เพียงแค่เธอเท่านั้นที่ประสบความสำเร็จ ยังมีนักธุรกิจอีกมากมายที่เหมือนเธอ ยกตัวอย่างเช่น นักธุรกิจยวี่เหลี้ยง ที่หันมาออกกำลังกายจนลดน้ำหนักไปได้ เขาเริ่มวิ่ง 2-3 ปี และยังมีคนอื่นๆอีกมากที่เริ่มหันมาสนใจการออกกำลังกายรักสุขภาพมากขึ้น การทุ่มเทกับการวิ่งอย่างคนเหล่านี้มีหรือที่ธุรกิจการงานจะไม่ประสบความสำเร็จ?

    จางซินยังบอกอีกว่า “เหตุผลที่หลายคนไม่วิ่งเป็นเพราะว่า วิ่งแล้วขาใหญ่ น่องใหญ่ ปวดเข่า ไม่มีเวลา และอีกมากมาย แต่คนที่วิ่งมีเพียงเหตุผลเดียวนั้นคือ การยึดมั่น” 

    "ถ้าตั้งเป้าหมายวิ่ง 20 กิโลเมตร แต่วิ่งไปได้แค่ 5 กิโลเมตรก็เหนื่อยและท้อ จะเห็นผลได้อย่างไร ฉะนั้นต้องวิ่งไปจนกว่าจะถึงเป้าหมาย หากวันนี้ไม่ได้ วันพรุ่งนี้ก็ต้องพยายามมากขึ้น" เป็นกำลังใจให้ทุกคนหันมารักสุขภาพด้วยนะคะ

ที่มา: buzzhots

แปลและเรียบเรียงโดย LIEKR