"ต่อให้แกร่งแค่ไหน ก็ต้องมีวันที่ไม่ไหว" เพราะความแกร่งแบบนี้เกิดจากสถานการณ์บังคับ

ทุกคนที่มี “รอยยิ้ม” บนใบหน้าของเขา

แต่ภายในหัวใจของเขาต้องมี “รอยแผลลึก” แน่นอน!

ทุกคนที่ดูภายนอกเข้มแข็ง แข็งแกร่ง

แต่พอลับหลังกลับ “หลั่งน้ำตา”

“ไม่ร้องไห้” มันไม่ได้หมายความว่าไม่มีความเศร้า

“ไม่พูด” ไม่ได้หมายความว่ามันไม่เจ็บจริงๆ

เมื่อคนที่เข้มแข็ง “ร้องไห้”

แสดงว่ามันคงจะเกินที่จะทนได้จริงๆ

เมื่อคนที่มองโลกในแง่ดีกลับนิ่งเงียบ

แสดงว่าเขากำลังเผชิญกับความอยุติธรรม ความคับแค้นใจ

ทุกคนล้วนมีปัญหาทุกข์ใจของตนเอง

คุณไม่มีวันรับรู้ได้ว่า ทำไมฉันต้องนั่งร้องไห้ตอนกลางดึก

ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมคุณต้องหลั่งน้ำตาหลังจากหันกลับมา

คุณมองไม่เห็นรอยแผลเป็นในใจฉัน

ฉันไม่สามารถเดาได้เลยว่าทำไมคุณถึงร้องไห้

เพราะคุณไม่ใช่ฉัน และฉันก็ไม่ใช่คุณ

ไม่มีใครรู้ว่าแต่ละคนเคยประสบอะไรมาบ้าง

หวังอยากให้มีไหล่ของใครสักคนให้พึ่งพา ตอนที่เหนื่อยล้า

หวังอยากให้มีใครบางคนปลอบโยน เวลาที่ร้องไห้เสียใจ

อย่าคิดว่าตนเองเป็นคนที่แข็งแกร่งมาก

ทรงพลังมากจนไม่มีสิ่งใดจะทำให้ล้มได้

บางคนแข็งแกร่ง เพราะสถานการณ์บังคับให้เป็นอย่างไม่มีทางเลือก

บางคนแข็งแกร่ง แบบจอมปลอมเท่านั้น

หนทางจะไกลสักเท่าใดก็ต้องเดินด้วยเท้าของตนเอง

ปัญหาจะยากแค่ไหนก็ต้องแก้ไขด้วยตัวเอง

หากมีใครบางคนยื่นมือเข้ามาช่วย

จะยังมีใครอยากจะปากกัดตีนทีบทนแบกไว้อีก

หากมีใครสักคนสามารถพึ่งพาได้

ใครจะยอมดิ้นรนทำงานหนักอย่างเหน็ดเหนื่อยอีก

ก็เพราะไม่มีพื้นหลัง ไม่มีคนหนุนหลัง

ดังนั้นจึงต้องแข็งแกร่ง แม้ว่ามันจะเป็นเพียงการเสแสร้งแกล้งทำก็เถอะ!

ต่อให้คุณแข็งแกร่งมากเท่าใด ก็ต้องมีวันที่แบกรับไม่ไหวอยู่ดี

เพราะว่าคุณมีเลือด มีเนื้อและวิญญาณ

เพราะว่าคุณร้องไห้ เจ็บปวดและเหนื่อยเป็น

แม้ว่าจะไม่มีใครปลอบโยนคุณ  ไม่มีใครช่วยแบ่งเบา

ก็จงเข้มแข็งและแบกมันไปจนจบอยู่ดี

หากคุณทนไม่ไหวแล้ว ก็ต้องอดทนต่อไปอยู่ดี

แม้ว่าจะได้รับบาดเจ็บ ก็ต้องปกปิดมันไว้

ฝืนอีกหน่อยเดี๋ยวก็ผ่านไปเอง แบกไว้สักครู่เดี๋ยวก็ไม่มีอะไรแล้ว

ที่มา:lookforward

แปลและเรียบเรียงโดย  Liekr