สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ผู้นำประเทศไทยสู่สายตาโลก ด้วยพระสิริโฉม

LIEKR:

จากประเทศเล็กๆ ที่มักถูกจำสลับกับไต้หวัน พระสิริโฉมของ "สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ" สร้างชื่อเสียงให้แก่ไทยและทั้งทวีปเอเชียอย่างมโหฬาร จนได้รับเชิญขึ้นปกนิตยสารสำคัญต่างชาติหลายร้อยเล่ม!

    เปิดเรื่องราวสุดซาบซึ้งใจ ที่หากไม่มีพระมหากรุณาธิคุณของ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ประเทศไทยก็อาจไม่มีวันนี้

    เฟซบุ๊ก Kiccha Buranond ได้เปิดเผยเรื่องราวนี้ไว้ว่า กลางศตวรรษที่แล้ว มิสซิสอิเมลด้า มาร์กอส สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของฟิลิปปินส์ในตอนนั้น เคยถูกนักข่าวฝรั่งถามว่า ไฉนคุณจึงแต่งกายสวยงามทันสมัยอยู่ตลอดเวลา

 

Sponsored Ad

 

    เธอตอบว่า "ก็เพราะพวกคุณ (ชาวฝรั่ง) คิดว่า พวกเรา (เธอหมายถึงฟิลิปปินส์และอาเซีย) อยู่กันบนต้นไม้น่ะซีคะ" 

    ซึ่งอาจค่อนข้างจริงสำหรับตอนนั้น ผมไม่ได้ว่าชาวต่างประเทศงี่เง่านะครับ แต่โลกเดี๋ยวนั้นกับเดี๋ยวนี้ผิดกันราวฟ้ากับดิน ไม่ใช่มีข่าว ๒๔ ชั่วโมงให้ติดตามได้ตลอดวัน

 

Sponsored Ad

 

    ฉะนั้นในสมัยนั้น เอเซียจึงเป็นเรื่องประหลาดในระบบแปลกตาที่เรียกกันว่า exotic หรือฝรั่งตะวันตกอยู่ในหมวด Occidental และเราทางด้านตะวันออกในหมวด Oriental แต่เพราะความจำกัดของข่าวของกลางศตวรรษที่แล้ว หญิงอาเซียนจึงไม่เคยเป็นข่าวไปถึงโลกตะวันตกอย่างจริงจัง ที่ดังมากอาจเป็นมาดามเจียงไคเช็ค จากเรื่องการก่อตั้งไต้หวัน

 

Sponsored Ad

 

    ดังรองลงมาคือมาดามนูห์แห่งเวียดนาม เพราะนางเกี่ยวดองกับความตึงเครียดระหว่างเวียดนาม เหนือ ใต้ และอเมริกา ท่านต่อมาก็คือ อิเมลด้า มาร์กอส แห่งฟิลิปปินส์ ซึ่งดังมากทางด้านความร่ำรวยอย่างผิดปกติมากกว่าอื่นใด

    ในขณะที่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมีจักรพรรดีนีแต่ไม่ทรงเป็นข่าวเลย ตามประสาของประเทศญี่ปุ่น

    ฉะนั้นเมื่อ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถในรัชกาลที่ ๙ และในปัจจุบันคือ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จติดตามในหลวงในการประพาสรอบโลกในปี ค.ศ.๑๙๖๐ หรือ ๖๐ ปี มาแล้วในระยะนี้ (ถึงนิวยอร์กในวันที่ ๕ กรกฏาคม หนึ่งวันหลังวันชาติอเมริกัน) จึงกลายเป็นเรื่องใหญ่มาก เพราะเป็นการเปิดประเทศไทยให้ชาวต่างประเทศได้รู้จักกันเป็นครั้งแรก

 

Sponsored Ad

 

.

    คือแทนที่จะรู้จักไทยแลนด์กันเพียงแค่ The King and I หรือ The Siamese Twin และมักจำผิดจำถูกระหว่างไทยแลนด์กับไต้หวันอีกต่างหาก

    ทั้งสองพระองค์จึงทรงสร้างชื่อเสียงให้แก่ประเทศไทยและทั้งทวีปอาเซียอย่างมโหฬาร โดยเฉพาะสมเด็จในฉลองพระองค์ชุดไทย แล้วทรงพระสิริโฉมในระบบตะลึงพรึงเพริดให้แก่ทั้งโลกตะวันตก เสด็จขึ้นหน้าปกนิตยสารสำคัญของที่นั่นตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ซึ่งผมรวบรวมนำมาในที่นี้อีกครั้ง

 

Sponsored Ad

 

    ที่นำมาลงใหม่คือ จงกรุณาอย่าได้ลืมความหลัง เพราะมีสิ่งมงคลสวยงามเหลือล้ำในอดีต ที่เราชาวไทยมากหลายอาจไม่ตระหนัก เป็นต้นว่าเพราะพระบารมีเกริกไกรในนามของไทยแลนด์ สมเด็จฯ จึงทรงรับทูลถวายเครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ จากเยอรมัน โปรตุเกส เดนมาร์ก นอร์เวย์ สวีเดน อิตาลี เบลเยี่ยม ลักเซมเบิร์ก เนเธอร์แลนด์ และสเปน ฯลฯ ซึ่งไม่ใช่เรื่องเล็กใดๆ ในประวัติศาสตร์ของบ้านเรา

 

Sponsored Ad

 

    นี่ยังไม่ได้นับปริญญากิตติมศักดิ์จากสถาบันการศึกษาเช่น George Town University, John Hopkins University ฯลฯ และรางวัลจากสถาบันสากลยิ่งใหญ่ของโลกในการสร้างคุณธรรมความดีจาก UNESCO, UNICEF และทรงเป็นสุภาพสตรี บุคคลสำคัญ และผู้นำคนแรกของทั้งทวีปอาเซียที่อยู่ในสถาบันของผู้แต่งกายดีที่สุดในโลกในปีที่เสด็จเป็นต้นมา 

    ในปัจจุบันอยู่ในหอแฟชั่นถาวรหรือ Hall of Fame ซึ่งในสมัยนี้อาจไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ในสมัยนั้น ที่ทรงอยู่ในระดับเดียวกับพระราชินีของไทยมีเช่นควีนเอลิซาเบธของอังกฤษ มิสซิสแจ็คเกอลีน เคนเนดี้ของอเมริกา เป็นเรื่องใหญ่มาก ดังมากและชาวไทยทุกคนควรจดจำ

Sponsored Ad

.

    "เพราะหากเราไม่มีในหลวง ร.9 และสมเด็จฯ ท่านในตอนนั้น ประเทศของเราจะไม่เจริญรุ่งเรืองเท่าตอนนี้หรอกครับ ผมรับประกันได้ว่า เป็นไปไม่ได้เลย"

.

.

.

.

.

.

.

.

    สามารถดูภาพเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก Kiccha Buranond

ที่มา : Kiccha Buranond

บทความแนะนำ More +

บทความที่คุณอาจสนใจ