"จา พนม" จากเด็กหนุ่มสุรินทร์ ตามหาช้าง จนโกอินเตอร์สู่นักแสดงระดับฮอลลีวู้ด!

LIEKR:

ความพยายามไม่เคยทำร้ายใคร! "จา พนม" จากเด็กหนุ่มสุรินทร์ ตามหาช้าง สู่นักแสดงฮอลลีวู้ด!

        จากเด็กหนุ่มสุรินทร์ ประธานชมรมกระบี่กระบอง สู่เส้นทางตามหาช้าง ในวันนี้ เป็นพระเอกไทยในหนังฮอลลีวู้ดอย่างภาคภูมิที่สุด! สำหรับ “จา พนม ยีรัมย์” นักแสดงดาวบู๊ชาวไทยที่ไปโกอินเตอร์ถึงระดับฮอลลีวูด กระทบไหล่คนดังระดับโลกมาแล้วมากมาย

        กลายเป็นนักแสดงระดับฮอลลีวูดที่มีชื่อเสียงไปแล้ว สำหรับหนุ่ม จา พนม ที่ใครๆก็ฝันอยากร่วมงานด้วย ด้วยความเก่งในคิวบู๊ ตั้งใจทำงานและมีความมุ่งมั่น จนใครหลายก็จ่อขอคิวไปร่วมงาน และเร็วๆ นี้เขายังได้แสดงประกบกับ “มิลล่า โจโววิช” ภายใต้การกำกับของ “พอล ดับเบิลยู. เอส. แอนเดอร์สัน” ผู้ให้กำเนิดภาพยนตร์ดัง Resident Evil ในหนังฟอร์มยักษ์ Monster Hunter อีกด้วย

 

Sponsored Ad

 


        "Tony Jaa" หรือ จา พนมนั้น เกิดในบ้านป่า จังหวัดสุรินทร์ในเขตชายแดนไทย-กัมพูชา และขี่ช้างเป็นมาตั้งแต่เด็ก ซึ่งจา พนมมีหน้าที่ดูแลลูกช้าง 2 ตัว และนั่นก็เป็นโอกาสในการฝึกฝนทักษะการกระโดดของเขา

        "การเลี้ยงช้างเป็นทักษะอย่างหนึ่ง แต่เมื่อช้างสามารถเก็บดอกไม้ใบไม้ หรือพ่นน้ำใส่คุณแล้ว คุณจะสัมผัสได้ว่า คุณและช้างเป็นหนึ่งเดียวกัน" จา พนมให้สัมภาษณ์ไว้อย่างนั้น

 

Sponsored Ad

 

        อย่างไรก็ตาม ชีวิตในวัยเด็กของจา พนม ก็ไม่ดำเนินไปอย่างสงบสุขนัก เนื่องจากเขาอยู่ใกล้กับตะเข็บชายแดนกัมพูชาซึ่งถือเป็นเขตพื้นที่สีแดง และมีการรบกันอย่างต่อเนื่อง และบ่อยครั้งที่ได้ยินเสียงเครื่องบิน และต้องพากันวิ่งหนีลูกระเบิด

        สำหรับแรงบันดาลใจของจา พนม ก็คือ ดาราบู๊รุ่นเก๋าชาวจีน 2 คน "บรูซ ลี และ เฉินหลง ทำให้ผมตระหนักว่าผมอยากเป็นนักแสดงบทบู๊ แต่ทั้งบรู๊ซ ลี และเฉินหลงต่างก็ใช้ศิลปะป้องกันตัวแบบกังฟู ผมอยากแสดงให้โลกเห็นศิลปะการต่อสู้แบบไทย และนั่นทำให้ผมตัดสินใจฝึกมวยไทยโบราณ"

 

Sponsored Ad

 

        ในการให้สัมภาษณ์ในสื่ออื่น ๆ จา พนม เปิดเผยว่า เขามีแฟนคลับอย่างเป็นทางการในประเทศฝรั่งเศสและญี่ปุ่น ซึ่ง องค์บากได้ไปฉายในประเทศดังกล่าวก่อนอเมริกา สำหรับแฟนคลับในอเมริกานั้น จา พนม บอกว่ายังไม่มีอย่างเป็นทางการ แต่ที่เขาประทับใจที่สุดก็คือในงานเปิดตัวกลางสนามกีฬาแห่งหนึ่ง มีชายผิวดำวิ่งเข้ามากอดเขาอย่างชื่นชม

        ภาพยนตร์ที่แจ้งเกิดของเขาก็คงจะหนีไม่พ้นเรื่อง องค์บาก หรือในชื่อที่ชาวอเมริการู้จัก คือ Ong Bak Thai Warrior เปิดตัวในอเมริกาด้วยรายได้ 1.3 ล้านเหรียญสหรัฐในสุดสัปดาห์แรก ด้วยโรงฉาย 387 โรง แถมครองอันดับที่ 24 หนังทำเงินของบ็อกซ์ออฟฟิศแม้จะเข้าโรงฉายมาแล้วเป็นเวลา 4 สัปดาห์

 

Sponsored Ad

 

        สำนักข่าวรอยเตอร์ ชื่อดังของอเมริกา กล่าวถึงความสามารถเฉพาะตัวของนักแสดงหนุ่มชาวไทยคนนี้ว่า เขาแสดงฉากต่อสู้โดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์ช่วย ไม่ใช้ตัวแสดงแทน และไม่ต้องอาศัยมุมกล้อง เช่นการกระโดดเตะสูงกว่า 15 ฟุต พร้อมลงสู่พื้นอย่างนิ่มนวลด้วยเท้าเปล่า และการวิ่งไปบนไหล่ของคน 5 คน เป็นต้น

 

Sponsored Ad

 

        เเละนี่ก็คือบทพิสูจน์ที่ทำให้เราเห็นเเล้วเขาคนนี้ไม่ธรรมเลยจริงๆ

จา พนม ซัดกับพระเอกตลอดกาล พอล วอล์คเกอร์

 

Sponsored Ad

 

.

ผลงานภาพยนตร์

        - พ.ศ. 2535 สิงห์สยาม (วันที่เข้าฉาย 7 พฤศจิกายน)
        - พ.ศ. 2536 กวนโอ๊ย (วันที่เข้าฉาย 27 มีนาคม)
        - พ.ศ. 2537 ปลุกมันขึ้นมาฆ่า 4, พยัคฆ์ร้ายเซี่ยงชุน 2, นักเลงกลองยาว, คนดิบเหล็กน้ำพี้
        - พ.ศ. 2538 นักสู้เมืองอีสาน, กองทัพเถื่อน 2 
        - พ.ศ. 2539 เพชฌฆาตเดนสงคราม 2 , มือปราบปืนโหด
        - พ.ศ. 2540 ปู่ตาคาถาถล่มคน, ปืนเกลียว 3, เซี่ยงชุน 3 พยัคฆ์ร้ายครกแตก
        - พ.ศ. 2546 องค์บาก 
        - พ.ศ. 2547 บอดี้การ์ดหน้าเหลี่ยม (รับเชิญ) 
        - พ.ศ. 2548 ต้มยำกุ้ง, เสือร้องไห้ (รับเชิญ) 
        - พ.ศ. 2550 บอดี้การ์ดหน้าเหลี่ยม 2 (รับเชิญ) 
        - พ.ศ. 2551 องค์บาก 2 (กำกับและแสดงนำ) 
        - พ.ศ. 2553 องค์บาก 3 (กำกับและแสดงนำ) 
        - พ.ศ. 2554 ต้มยำกุ้ง 2 ภาพยนตร์สามมิติ 
        - พ.ศ. 2557 A Man Will Rise 
        - พ.ศ. 2558 Fast & Furious 7
        - พ.ศ. 2558 Skin Trade 

Sponsored Ad

.

อื่นๆ 

        - นิตยสาร I+Extreme "ไอ+เอกซ์ตรีม" โดยบริษัทไอยราฟิล์ม เป็นนิตยสารที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับ tony jaa ศิลปะการต่อสู้นานาชาติ กีฬาเอกซ์ตรีม และภาพยนตร์แอคชั่นจากทั่วโลก 
        - ทีมสตั๊นท์ เป็นผู้ก่อตั้งทีมนักแสดงแทนด้านศิลปะการต่อสู้ในภาพยนตร์ ชื่อทีม "ไอยราสตั๊นท์" โดยทีมสตั๊นท์ส่วนหนึ่งมาจากนักแสดงแทนในภาพยนตร์เรื่องต่าง ๆ ของทัชชกร บริษัทไอยราฟิล์มจำกัด (IYARA FILM CO.,LTD) เป็นบริษัทผลิต-จัดจำหน่ายภาพยนตร์ ,โรงเรียนสอนศิลปะการต่อสู้หลายรูปแบบ และสำนักพิมพ์ในสถานที่เดียวกัน ก่อตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2549 โดย ทัชชกร ยีรัมย์ และครอบครัว ยีรัมย์ วัตถุประสงค์เพื่อรองรับงานสร้างภาพยนตร์ของ ทัชชกร ยีรัมย์ (TONY JAA) และงานด้านอื่นๆ บริษัทตั้งอยู่ที่ 199,201 ซอยลาดพร้าว 101 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร 10240
        - เป็นทูตวัฒนธรรมด้านภาพยนตร์คนแรกของไทย
        - อุปสมบทเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2553 ที่สำนักสงฆ์วัดป่าอาเจียง จ.สุรินทร์ ได้รับฉายา กิติโสภโน แปลว่า ผู้มีชื่อเสียงที่งดงาม

.

รางวัลที่ได้รับ

        - พ.ศ. 2546 รางวัล KUNGFUCINEMA AWARD
        - รางวัลนักแสดงนำฝ่ายชายที่เน้นศิลปะการต่อสู้ยอดเยี่ยม
        - รางวัลออกแบบฉากและศิลปะการต่อสู้ยอดเยี่ยม
        - รางวัล ORIENT EXPRESS
        - รางวัลทูตวัฒนธรรมด้านภาพยนตร์ครั้งที่1
        - พ.ศ.2547 รางวัลหนังแอ๊คชั่น เอเชียยอดเยี่ยม
        - ลง Guinness book สาขาสอนและโชว์มวยไทยแก่ประชาชนมากที่สุดในโลก
        - รางวัลสุพรรณหงส์ ครั้งที่ 15 รางวัลเกียรติยสแห่งปี 2548 สาขาดาราไทยที่สร้างที่ชื่อเสียงให้ภาพยนตร์ไทยที่รู้จักทั่วโลก
        - รางวัลดาราหน้าให้ที่นาจับตามองทีสุดในโลก
        - พ.ศ.2550 รางวัลาร BEST ACTION ACTOR รางวัลศิลปะการต่อสู้ยอดเยี่ยมแห่งเอเชีย
        - พ.ศ.2551 รางวัลใบโพธิ์ทองคำ, รางวัลสุพรรณหงส์ ครั้งที่ 18
        - พ.ศ.2552 รางวัลเพนกวินผู้กล้า The First Penguin Award
        - รางวัลศิลปินมรดาอีสาน ประเภทศิลปะการแสดง สาขานักนักแสดง
        - รางวัลภาพยนตร์แห่งปี ไนน์ เอ็นเตอร์เทน อวอรด์ 2009 
        - พ.ศ.2553 รางวัลสตั๊นท์ชายยอดเยี่ยมประเภทแข่งขัน (BEST STUNT by A STUNT MAN AWARD)

.


ข้อมูลและภาพจาก thairath

บทความแนะนำ More +

บทความที่คุณอาจสนใจ