ยั่งยืนตามรอยพ่อ! จากชาวนา ผันตัวสู่เจ้าของ "สวนมะเขือเทศราชินี" รายได้ปีละเกือบแสน! ผลตอบแทนคุ้มค่าเกินการลงทุน

LIEKR:

ยั่งยืนตามรอยพ่อ! จากชาวนา ผันตัวสู่เจ้าของ "สวนมะเขือเทศราชินี" รายได้ปีละเกือบแสน! ผลตอบแทนคุ้มค่าเกินการลงทุน

หมายเหตุ : สามารถรับชมคลิปที่เกี่ยวข้องได้ที่ด้านล่างบทความค่ะ 

        "รู้จักใช้ชีวิต แบบพอดีที่พอเพียง สุขที่ยั่งยืน ตามรอยพ่อ"

        นอกเหนือจากอาชีพหลักคือการทำนาเกือบ 80 ไร่ คุณสายรุ้ง งามเทียน เกษตรกรชาวลพบุรีวัย 51 ปี ยังทำอาชีพเสริมด้วยการปลูกผักสวนครัวหลากหลายชนิด อย่างพริก กระเพา แตงกวา ถั่วฝักยาว และข้าวโพด บนพื้นที่เพียง 1ไร่ ปลูกแบบธรรมชาติไม่เน้นการใช้สารเคมี ปลูกกินบ้าง เหลือกินก็นำไปขาย 

        คุณสายรุ้ง งามเทียน เป็นเกษตรกรคนหนึ่งที่ใช้ชีวิตตามรอยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช คือการปลูกพืชผสมผสานตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง ปลูกทุกอย่างที่กินได้ และกินทุกอย่างที่ปลูกด้วย

 

Sponsored Ad

 

        หลังจากปลูกพืชผักหมุนเวียนในพื้นที่ 1 ไร่มาหลายชนิดแล้ว วันหนึ่งได้มีโอกาสไปเห็นเพื่อนเกษตรกรด้วยกันปลูกมะเขือเทศเชอรี่หรือมะเขือเทศราชินี เห็นมะเขือเทศลูกดกมาก ต้นหนึ่งมีผลมะเขือเทศเยอะมาก แล้วราคาขายค่อนข้างสูงด้วย จึงเกิดความสนใจ ได้พูดคุยและสอบถามวิธีการปลูกจากเพื่อนเกษตรกรคนนี้ กลับมาถึงบ้านก็ไม่ละทิ้งความตั้งใจ ไปซื้อพันธุ์มะเขือเทศมาเพาะต้นกล้า และนำไปลงหลุมปลูกใช้ระยะเวลาปลูก 60-70 วันก็เก็บขายได้แล้ว 

        ช่วงแรกๆทดลองปลูกไม่มาก พบปัญหาเรื่องโรคแมลงบ้าง โดยเฉพาะโรคเชื้อรา แต่ก็แก้ไขปัญหาด้วยการถอนต้นที่เป็นโรคออกไปทิ้ง หลีกเลี่ยงการใช้สารเคมี แล้วบำรุงต้นและผลมะเขือเทศด้วยฮอร์โมนไข่ที่ทำเอง มะเขือเทศ แม้จะเป็นพืชที่อาจจะมีโรคและแมลงรบกวนอยู่บ้าง แต่หากปลูกด้วยความเข้าใจว่าพืชชนิดนี้ต้องการหรือไม่ชอบอะไร การเกิดโรคหรือแมลงก็จะน้อยลง อย่างมะเขือเทศราชินี ไม่ชอบความชื้นแฉะ การให้น้ำก็ไม่ควรจะให้น้ำเยอะ 2-3 วันให้น้ำ 1ครั้งก็เพียงพอ 

 

Sponsored Ad

 

        มะเขือเทศ เป็นพืชที่ทานสด จะให้รสชาติอร่อยกว่าการแปรรูป และที่ดีไปกว่านั้นมะเขือเทศยังเป็นพืชที่มีประโยชน์อุดมไปคุณค่าทางอาหาร วิตามินเอและซีสูง บำรุงผิวพรรณให้สวยเปล่งปลั่ง เหมาะสำหรับรับประทานสด เนื้อแน่น กรอบ หวานอร่อย 

        ตลาดจำหน่ายจึงเน้นเป็นตลาดสำหรับผู้รักสุขภาพเป็นหลัก รองลงมาก็ตลาดทั่วไป ราคาขายถ้าเป็นแบบส่งจะอยู่ที่ 40 บาท แต่ถ้าราคาขายปลีกจะอยู่ที่ 50 บาท เชื่อไหมว่าการปลูกมะเขือเทศ เพียงแค่เป็นอาชีพเสริมรายได้เดือนๆหนึ่ง 5,000 – 7,000 บาทเลยทีเดียว คุณสายรุ้งกล่าวทิ้งท้าย

 

Sponsored Ad

 

        คุณสายรุ้ง งามเทียน อายุ 51 ปีอยู่บ้านเลขที่ 123 หมู่ 12 ตำบลบ้านข่อย อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี เป็นชาวเมืองลพบุรีโดยกำเนิด มีอาชีพหลัก คือ การทำนา มากว่า 20 ปี มีทั้งทำนาเช่าและนาของตัวเอง คุณสายรุ้ง งามเทียน ยอมรับว่าทำนาได้รายดี ช่วงที่มีโครงการรับจำนำข้าว แต่หลังจากโครงการรับจำนำข้าวหมดลง คุณสายรุ้งก็กลับมาเป็นหนี้กว่า 5 แสน เพราะว่านำเงินไปซื้อรถยนต์ การทำนาเพียงอย่างเดียวอาจจะไม่เพียงพอแล้วในการหาเงินไปปลดหนี้ เพราะการทำนา 1ครั้งต้องใช้ระยะเวลาประมาณ 3 เดือน ถึงจะเก็บเกี่ยวข้าวไปขายได้ 

 

Sponsored Ad

 

        ช่วงระหว่างรอเก็บเกี่ยวคุณสายรุ้งก็ปลูกผักสวนครัว อย่างพริก กระเพา แตงกวา ถั่วฝักยาว และข้าวโพด บนพื้นที่เพียง 1ไร่ เป็นรายได้เสริม ทดแทนการไปกู้หนี้ยืมสินใครอีก ส่วนใหญ่พืชผักสวนครัวที่ปลูก จะปลูกแบบธรรมชาติ หลีกเลี่ยงการใช้สารเคมี ปลูกเองขายเอง ไม่เน้นขายส่ง มีน้อยก็ขายน้อย มีมากก็ขายมาก เดือนๆหนึ่งก็ได้เงินใช้จ่ายในครอบครัวหลายพันบาท จนกระทั่งหันวันหนึ่งเห็นเพื่อนเกษตรกรปลูกมะเขือเทศราชินีขาย รายได้ดี ปลูกครั้งหนึ่งเก็บเมะเขือเทศขายได้นานประมาณ 4-5 เดือนเลยทีเดียว ก็เกิดความสนใจ จึงขอความรู้เรื่องการปลูกมะเขือเทศกับเพื่อนเกษตรกรแล้วกลับมาทดลองปลูกเองในพื้นที่ 1 ไร่

 

Sponsored Ad

 

        คุณสายรุ้ง งามเทียน เล่าให้ฟังเพิ่มเติมว่า เริ่มปลูกมะเขือเทศราชินี ตั้งแต่ปี 2558 มาจนทุกวันนี้ก็ปีกว่าแล้ว จะปลูกมะเขือเทศเองทุกขั้นตอนตั้งแต่กระบวนการเพาะต้นกล้าจนกระทั่งลงหลุม บำรุงดูแลจนกระทั่งโตให้ผลผลิตรวมเวลาก็ประมาณ 60-70 วัน ว่างเว้นจากการทำนาก็มาปลูกมะเขือเทศ ปลูกเป็นอาชีพเสริมเพิ่มรายได้ให้กับครอบครัว คุณสายรุ้ง เล่าว่า ก่อนหน้านี้ได้มีโอกาสไปอบรมเรื่องการทำเกษตรในโครงการ สมาร์ฟาร์มเมอร์ จึงได้แนวคิดว่า การทำเกษตรเชิงเดี่ยวเพียงอย่างเดียว อาจจะไม่ได้แล้ว แต่ควรทำเกษตรแบบผสมผสาน ปลูกพืชหลายๆอย่าง เหลือกินก็ขาย นอกเหนือจากการทำนา คุณสายรุ้ง จึงเลือกที่จะปลูกพืชผักเป็นอาชีพเสริม

 

Sponsored Ad

 

        สำหรับการปลูกมะเขือเทศราชินี นั้น คุณสายรุ้ง เล่าว่า มะเขือเทศเป็นพืชที่อาจจะปลูกยากอยู่บ้าง จะมีเรื่องโรคเชื้อรา สาเหตุหลักที่ทำให้มะเขือเทศตายมารบกวน แต่ถ้าปลูกด้วยความเข้าใจ พยายามเรียนรู้ว่าพืชที่ปลูก มีลักษณะ ต้องการ และไม่ต้องการสิ่งใดแล้ว ไม่ว่าจะปลูกพืชชนิดใดก็ตาม ประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน

        ในการปลูกมะเขือเทศ ต้องเริ่มต้นจากการเพาะต้นกล้า ก่อนจะนำมาปลูก ซึ่งวิธีการเพาะต้นกล้านั้น คุณสายรุ้ง จะใช้ถาดสำหรับเพาะต้นกล้า นำดินเพาะใส่ลงในถาดเพาะแล้วหยอดเมล็ดมะเขือเทศ 1-2 เมล็ดลงไป กลบดินแล้วก็รดน้ำวันละ 1 ครั้งทุกวัน ต้นกล้าก็จะค่อยๆเติบโตจนเป็นต้นกล้าพร้อมปลูก ความยาวประมาณ 1 คืบใช้ระยะเวลาประมาณ 1 เดือน ในระหว่างที่เพาะต้นกล้า คุณสายรุ้ง แนะนำว่าควรเตรียมแปลงไว้สำหรับปลูก ด้วยการไถแปร ตากดินทิ้งไว้อย่างน้อย 7-10 วันหรือมากกว่านั้นก็ได้ จากนั้นก็ย่อยดินให้ละเอียดก่อนขุดหลุม หากดินเป็นกรดให้ใช้ปูนขาวหว่านในอัตรา 100-300 กิโลกรัม/ไร่ จากนั้นก็ขุดหลุมสำหรับปลูกลึกประมาณ 10 เซนติเมตร รองก้นหลุมด้วยปุ๋ยคอก แล้วก็นำต้นกล้ามะเขือเทศมาลงหลุมปลูก ใน 1 หลุม ควรปลูกมะเขือเทศประมาณ 2 ต้น เพื่อต้นใดต้นหนึ่งตาย จะได้เหลืออีก 1 ต้น โดยให้มีระยะระหว่างต้น 50-60 เซนติเมตร ระยะระหว่างแถว 80 เซนติเมตร เนื่องจากมะเขือเทศเป็นพืชชอบน้ำมากแต่ไม่ชอบน้ำขัง การปลูกด้วยระบบน้ำหยดจึงเหมาะมาก แต่ด้วยต้นทุนที่ค่อนข้างสูง คุณสายรุ้งจึงไม่ได้ปลูกด้วยระบบน้ำหยด แต่จะให้ความสำคัญและหมั่นสังเกตความต้องการของมะเขือเทศเสมอ จึงทำให้ไม่มีปัญหาเรื่องการให้น้ำและความชื้นแฉะ

Sponsored Ad

        เคล็ดลับการให้น้ำของคุณสายรุ้ง คือ 2-3 วันให้น้ำ 1 ครั้ง สังเกตดูที่หลุมด้วยหากหลุมยังมีความชื้นก็อาจจะเว้นการให้น้ำไปก่อน เพราะหากมะเขือเทศได้น้ำมากเกินไปอาจทำให้เป็นเชื้อราได้ แต่เมื่อผลมะเขือเทศเริ่มแก่ คือผลจะเปลี่ยนสีจากสีเขียวเป็นสีแดง ควรลดการให้น้ำลง เพราะถ้ายังให้น้ำมากๆจะทำให้ผลมะเขือเทศแตกได้ ในกรณีที่พบมะเขือเทศเป็นเชื้อรา ควรถอนต้นมะเขือเทศออกไปทิ้ง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการระบาดต่อไปยังต้นอื่นๆในแปลง ถ้าเป็นไปได้ควรหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมี แต่หากจำเป็นต้องใช้ คุณสายรุ้งจะใช้ในปริมาณที่น้อยมาก เพราะอย่างที่รู้กันดีว่า มะเขือเทศเป็นพืชที่กินสด การหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีเป็นสิ่งที่ดีที่สุด แถมยังเป็นการประหยัดต้นทุนด้วย นอกเหนือจากโรคเชื้อราแล้ว แมลงก็เป็นศัตรูสำคัญของมะเทศด้วยเช่นกัน การแก้ไข คุณสายรุ้งจะใช้สารสกัดจากธรรมชาติ เช่น สารสกัดจากสะเดา ฉีดพ่น จนกว่าแมลงจะลดน้อยลง เมื่อมะเขือเทศเริ่มโตอายุประมาณ 10-15 วัน จะต้องทำค้างให้มะเขือเทศเลื้อยเพราะหากปลูกมะเขือเทศโดยไม่ทำค้าง จะทำให้มะเขือเทศเน่าเสีย ซึ่งการทำค้างนั้นก็ไม่ยาก ใช้ไม้ไผ่ทำ ด้วยปักไม้ค้างลงไปทุกหลุม เอนปลายเข้าหากัน ผูกเป็นกระโจม ด้านบนและด้านข้างใช้ไม้พาดขวางตลอดแนว ประมาณ 2-3 แนว ระยะห่าง 30-40 เซนติเมตร จากนั้นก็ใช้ตาข่ายขึง เพื่อให้ยอดมะเขือเทศเลื้อยขึ้นไปเกาะ 

        การบำรุง ดูแลให้มะเขือเทศต้นแข็งแรงสมบูรณ์ ผลดก ผิวสวย รสชาติหวาน คุณสายรุ้งจะฉีดฮอร์โมนไข่ทุกๆ7 วัน ช่วยเร่งดอก เร่งผล ช่วยทำให้ผลผลิตออกเร็ว ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่หมักเอง แถมคุณสายรุ้ง ยังเผยสูตรมาให้ด้วย สำหรับส่วนผสมในการทำฮอร์โมน ประกอบด้วย ไข่ไก่สด 10 กิโลกรัม นมสด 10 ลิตร กากน้ำตาล 10กิโลกรัม ยาคูลท์ 2 ขวด แป้งข้าวหมาก 2ก้อน ส่วนวิธีการทำก็ง่ายๆ เริ่มต้นจากหาภาชนะที่มีขนาดใหญ่ที่สามารถปิดฝาได้ จากนั้นนำวัตถุดิบทั้งหมดใส่รวมกัน ไข่ตอกให้แตกก่อนใส่ จากนั้นทำการปิดฝา วางเอาไว้ในที่ร่ม ให้มีอากาศถ่ายเทสะดวก ใช้เวลาหมัก 7 วัน โดยไม่ต้องคน ส่วนการนำไปใช้

ให้ผสมฮอร์โมนไข่ 20-30 ซีซี. ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นในช่วงที่มะเขือเทศออกดอกให้เปียกชุ่ม ในช่วงเวลาเย็น สัปดาห์ละ 1 ครั้ง หรือ ราดรดลงดินรอบๆต้นมะเขือเทศ ในอัตรา 20-40 ซีซี. ต่อน้ำ 20 ลิตร ทุก 5-7 วัน นอกเหนือจากฮอร์โมนไข่แล้ว ก็จะมีใส่ปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15 เพื่อช่วยบำรุงมะเขือเทศด้วย
        เมื่อมะเขือเทศมีอายุประมาณ 60-70 วัน จะให้ผลผลิตสามารถเก็บขาย เก็บกินได้แล้ว ปลูกครั้งหนึ่งสามารถเก็บเมะเขือเทศขายได้นานประมาณ 4-5 เดือน หรือมากกว่านั้น ขึ้นอยู่กับการบำรุงดูแลต้นมะเขือเทศด้วย หลังจากเก็บผลผลิตมะเขือเทศจนหมด ต้นมะเขือเทศจะเริ่มโทรม ต้นเหี่ยวแห้ง หากต้องการปลูกใหม่ คุณสายรุ้งแนะนำว่า ควรไถแปร แล้วตากดินทิ้งไว้ประมาณ 1 – 2 เดือน จึงค่อยลงมือปลูกมะเขือเทศรุ่นใหม่ต่อไป

        สำหรับต้นทุนในการปลูกมะเขือเทศ จะอยู่ที่ประมาณ 3,000 บาท ในพื้นที่ 1ไร่ แบ่งเป็นต้นทุนค่าเมล็ดพันธุ์ ซองละประมาณ 350 บาท ปลูกได้ประมาณ 300 กว่าหลุม ตาข่ายและไม้ไผ่สำหรับทำค้าง ดินสำหรับเพาะต้นกล้า ถาดเพาะต้นกล้า ปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15 การปลูกมะเขือเทศ แม้จะปลูกไม่มากพียงแค่ 1ไร่ แต่ทำรายได้ค่อนข้างดีทีเดียวอาทิตย์หนึ่งได้เงินเข้ากระเป๋าเกือบ 2,000 บาท อาทิตย์หนึ่งเก็บมะเขือเทศขายได้ประมาณ 2 ครั้ง 
        ช่องทางการตลาด : ส่วนการขาย คุณสายรุ้ง งามเทียน เล่าว่ามีทั้งแบบขายส่งและขายปลีก ในส่วนของการขายปลีก จะขายให้กับคนในชุมชน ขายตามตลาดในชุมชน กิโลกรัมละ 50 บาท ด้วยวิธีการปลูกที่ไม่ได้ใช้สารเคมี ทำให้มะเขือเทศมีรสชาติ หวาน กรุบกรอบ จึงเป็นที่ต้องการมากของคนในชุมชน มะเขือเทศที่มีจึงไม่เคยพอขายเลย ส่วนการขายส่งจะอยู่ที่กิโลกรัมละ 40 บาทมีคนมารับซื้อถึงบ้านเลยทีเดียว รายได้เฉลี่ยในการขายมะเขือเทศเดือนๆหนึ่งประมาณ 7,000-8,000 บาท การปลูกมะเขือเทศ แม้จะเพียงอาชีพเสริมแต่สามารถทำรายได้จุนเจือครอบครัวของคุณสายรุ้งได้ดี จนไม่ต้องไปกู้หนี้ยืมสินใครเลย แถมยังมีเหลือเก็บพอที่จะเจียดไปใช้หนี้สินได้อีกด้วย การปลูกมะเขือเทศแม้จะเพียงเล็กๆน้อย แต่ผลตอบแทนที่ได้รับกลับคุ้มค่าเกินการลงทุน เพราะนอกจากจะปลูกกินเป็นอาหารอิ่มท้องแล้ว มะเขือเทศยังแปรเปลี่ยนเป็นเงินได้อีก

        ข้อเสนอแนะจากเกษตรกร : การเป็นเกษตรกร คนอื่นอาจจะมองว่า เป็นง่าย ทำง่าย แค่ปลูกผัก รดน้ำ ใส่ปุ๋ย พืชผักก็ออกดอก ออกผล เก็บขาย ได้เงินใช้แล้ว แต่ความจริงการเป็นเกษตรกรก็เหมือนกับการเรียนหนังสือที่ไม่มีวันจบสิ้น เกษตรกรรุ่นใหม่ถ้าอยากประสบความสำเร็จ สิ่งแรกเลยที่ต้องมีคือ ต้องมีใจรัก หมั่นเรียนรู้ และเข้าใจในพืชผักที่เราปลูก และไม่ควรปลูกพืชชนิดเดียวในปริมาณที่เยอะ แต่ควรปลูกพืชแบบผสมผสาน อาจจะไม่ต้องปลูกในปริมาณที่มาก แต่ขอให้ปลูกพืชมากชนิด แล้วอีกอย่าง อาชีพเกษตรกรเป็นอาชีพที่ไม่ต้องทำงานไกลบ้าน ไม่ต้องทิ้งบ้านเกิดไปไหน แม้จะอยู่บ้านก็มีอาชีพ มีเงินใช้จ่ายแบบสบายๆ
        ที่อยู่และช่องทางการติดต่อ : สายรุ้ง งามเทียน บ้านเลขที่ 123 หมู่ 12 ตำบลบ้านข่อย อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรีโทร 086-003-5783

ชมคลิป...

คลิปเปิดไม่ออก >>> กดตรงนี้ คลิ๊ก <<< 

ข้อมูลและภาพจาก rakbankerd

บทความแนะนำ More +

บทความที่คุณอาจสนใจ