สาวโพสต์อดีตหนัก 100 กิโล หันมาเดินเร็วจนเหลือ 59 กิโล รักตัวเองก่อนจะสายเกินไป

LIEKR:

จากเอว 40 สู่เอว 26 ที่ไม่คิดว่าจะทำได้...

    ในวันนี้ทางทีมงานเว็บไซต์ไลค์เกอร์ดอทคอม มีเรื่องราวที่จะมาสร้างแรงบันดาลใจให้กับทุกท่านที่รักตัวเอง และท่านที่มีน้ำหนักเกินที่กินเท่าไหร่ก็ไม่เคยออกกำลังกายเลยสักครั้ง เรื่องราวในวันนี้อาจจะทำให้คุณเปลี่ยนความคิดแล้วหันกลับมารักตัวเองเลยก็ได้ค่ะ 

    ซึ่งเรื่องราวต่อไปนี้เป็นเรื่องราวของ คุณ จอย ขนิษฐา จันทร์ศิริ ซึ่งเธอเคยมีน้ำหนักถึง 100 กก. แถมยังเป็น เธอมีชีวิตที่ ย า ก ลำ บ า ก เพราะเดินเหินไม่สะดวก จนถึงวันที่รู้สึกไม่สามารถใช้ชีวิตเป็นปกติได้แล้ว จนวันหนึ่งถึงเวลาต้องเปลี่ยนตัวเอง สามีคุณจอยบอกว่า ถ้าเรายังอยากอยู่ด้วยกันนานๆ เรามาเริ่มเปลี่ยนวิถีชีวิตกันใหม่เถอะ มาสู้ไปด้วยกัน แม้ว่ามันจะยากก็ต้องทำ ดีกว่าไม่ทำอะไรเลยสักอย่างเดียว

 

Sponsored Ad

 

    เราเริ่มต้นด้วยการควบคุมอาหารเป็นอันดับหนึ่ง ในช่วง 2 เดือนแรก คุมกันเกือบทุกมื้อ หวาน มัน เค็ม เ ลี่ ย ง ได้คือ เ ลี่ ย ง เลย และต่อมาก็ค่อยๆปรับ เริ่มด้วยการเดิน จอยเดินอยู่เป็นเดือน จนเริ่มลงเรื่อยๆ จาก 90 เป็น 80 เป็น 75 กก แล้วน้ำหนักก็หยุดนิ่งเกือบเดือน ทำให้จอย ท้ อ มากๆ ผมเลยบอกให้จอยลองเริ่มวิ่ง ซึ่งมันยากมากๆ วันแรกวิ่งได้แค่ 100 เมตร ก็ท้อแล้ว เพราะมันเหนื่อย ห า ย ใ จ ไม่ทัน ก็เลยหยุดวิ่ง เมื่อน้ำหนักไม่ลง ก็ต้องเปลี่ยนกิจกรรม ที่จอยชอบแทนเพื่อจะดีขึ้น

 

Sponsored Ad

 

    เลยไปเต้นแอโรบิกแทน จอยเต้นจนน้ำหนักตัวลดลงมาอีกจนถึง 70 กก. คราวนี้กำลังใจมาเต็มเปี่ยม ผมเลยชวนกลับมาวิ่งอีกครั้ง ครั้งนี้วิ่งไกลขึ้น วิ่งได้ถึง 1 กิโลเมตรครึ่ง และก็วิ่งมาเรื่อยๆ จาก 1 เป็น 2 กม. เพิ่มเรื่อยๆ ตามกำลังที่พอไหว จนน้ำหนักลดลงอีกจนถึงเลข 6 ซึ่งจอยไม่เคยไปถึงเลข 6 เลย ตั้งแต่ไม่สบาย ทำให้มีกำลังใจมากขึ้น พร้อมไปต่อสุดๆ กลายเป็นชอบวิ่งมากๆ วิ่งเช้า วิ่งเย็น คุมอาหารควบคู่ไปด้วย จนเปลี่ยนวิธีชีวิตไปเลยก็ได้

 

Sponsored Ad

 

    พอถึงเวลาไปหาหมดตามนัด จนเริ่มดีขึ้น กำลังใจมันก็มาเรื่อยๆ จนรู้สึกว่า ถึงเวลาแล้วหรือยังที่เราจะเปลี่ยน หันมารัก ดูแลตัวเอง ก่อนที่มันจะสายเกิ นไป มาบอกรักตัวเองด้วยการออกกำลังกายและคุมอาหารกันเถอะ

    วันนี้เป็นวันที่ผมรู้สึกดีใจจนบอกไม่ถูก ไม่รู้จะเอ่ยคำใดออกมาจริงๆ กับสิ่งที่หมอบอกผมกับจอย เป็นการหาหมอที่คุ้มค่า คุ้มเวลาที่สุด ใจมัน พ อ ง โ ต ตื่นเต้นไปหมด เมื่อได้ยินหมอพูดมาประโยคนึงว่า ตั้งแต่หมอตรวจคนไข้มาถึงทุกวันนี้ มีแค่ 10 คน ที่ทำได้ รักษาหายได้ด้วยตัวเอง ค่าทุกอย่างปกติมากๆ ดีขึ้นทั้งน้ำหนัก ทั้งค่าต่างๆ ลดลง 

 

Sponsored Ad

 

    เพราะฉะนั้น คุณจอยไม่ต้องหาหมออีกต่อไปแล้ว คุณหายเป็นปกติด้วยพฤติกรรมตัวเอง ขอบคุณคำแนะนำดีๆ และความรู้ต่างๆ จากคุณหมอ อรรถสิทธ์ โนวังหาร ขอบคุณจากใจเราสองคน

    1 ปี 5 เดือน มันช่างคุ้มค่าเป็นที่สุดน้ำหนักจอยลดมาจาก 90 กก. ตอนนี้เหลือ 51 กก. รูปร่างสมส่วน เอวเดิม 40 นิ้ว ทุกวันนี้ เอว 26 นิ้ว เหมือนได้ชีวิตใหม่ มีความสุขที่สุดจริงๆ รักใครให้ชวนออกกำลังกายนะครับ

 

Sponsored Ad

 

    แรงบันดาจใจของคนคนนี้ ผ่านเรื่องราวบนเหรียญ ทุกอย่างไม่มีคำว่าสายถ้าเริ่มลงมือทำ ก้าวแรกคือก้าวที่สำคัญ ถ้าใจพร้อมก็พยายามจนได้ ไม่เสียดายเวลาและเงินที่ลงกิจกรรมงานวิ่งต่างๆเลย เพราะผลของมันชัดเจนมาก หนึ่งปีที่ผ่านมาทำให้รู้ว่า กำแพงบ้านฝาบ้านจะไม่มีที่แขวนเหรียญแล้ว ถ้วยรางวัลที่ได้อาจไม่ใช่งานใหญ่โตหรืองานที่มีนักวิ่งแถวหน้า แต่ก็เป็นงานที่ทำให้มีกำลังใจในการก้าวต่อไป เราจะไม่หยุด

 

Sponsored Ad

 

    ซึ่งคุณจอยได้โพสต์ลงในกลุ่ม วิ่งไหนดี พูดคุยภาษาวิ่ง เป็นเฟสบุ๊คของกลุ่มคนที่ชอบการวิ่ง โดยมีผู้ใช้เฟซบุ๊กดังกล่าวโพสต์เล่าเรื่องราวจากการวิ่ง ซึ่งเปลี่ยนชีวิตของตนไปเลย จากคนที่มีน้ำหนักเกิน กลับมาเป็นคนที่สมบูรณ์และแข็งแรง

    โดยเจ้าตัวได้โพสต์ภาพก่อนและหลัง พร้อมระบุข้อความว่า วิ่งครบ1ปีแล้วค่ะ ขออนุญาติโพสเป็นแรงใจสักโพส ให้คนที่วิ่งเหมือนกันบ้างนะคะ ประสบการณ์ตรงที่ได้สัมผัสกับการวิ่ง วิ่งมันดีต่อใจ ทุกวันนี้ไปหาคุณหมอก็ได้รับคำชมกลับบ้านเบิกบานทุกครั้ง ชีวิตมีความสุขขึ้นมากมายค่ะ เพราะ วิ่งคือส่วนหนึ่งที่ทำให้เรา กลับมาแข็งแรงขึ้น เราจึงรักวิ่ง วิ่งที่ไหนก็ดีทั้งนั้นค่ะ ถ้าเรารักที่จะวิ่งค่ะ หมูแข็งแรง

ข้อมูลและภาพ จาก วิ่งไหนดี:พูดคุยภาษาวิ่ง โดยคุณ ขนิษฐา จันทร์ศิริ

บทความที่คุณอาจสนใจ