เจอแล้ว! "หมอกบ่วาย" สมุนไพรไทยลดความเสี่ยงโรคมะเร็ง แก้ไข้แก้บิด บรรเทาตับแข็งและต่อมนํ้าเหลืองอักเสบ!

LIEKR:

เจอแล้ว! "หมอกบ่วาย" สมุนไพรไทยลดความเสี่ยงโรคมะเร็ง แก้ไข้แก้บิด บรรเทาตับแข็งและต่อมนํ้าเหลืองอักเสบ!

        รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ลงพื้นที่สำรวจแหล่งสมุนไพร “หมอกบ่วาย” หมอพื้นบ้านอีสานเคยใช้รักษาโรคท้องมานจากโรคตับแข็ง มะเร็งตับ มาลาเรีย พบยังเหลือแหล่งเดียวในประเทศที่ อ.โพนพิสัย ใกล้สูญพันธุ์ เร่งอนุรักษ์คุ้มครอง และทำวิจัยฤทธิ์ต้านมะเร็ง หากสำเร็จจะเป็นข่าวดีของคนไทย ซึ่งเสียชีวิตจากโรคมะเร็งตับปีละกว่า 12,000 ราย โดยเฉพาะชาวอีสาน โดยผลวิจัยในต่างประเทศ พบสมุนไพรชนิดนี้มีฤทธิ์ต้านอักเสบได้ 

        นายพินิจ จารุสมบัติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นายแพทย์ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ รักษาราชการแทนปลัดกระทรวงสาธารณสุข แพทย์หญิงเพ็ญนภา ทรัพย์เจริญ รองอธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทย และการแพทย์ทางเลือก เดินทางไปทำการสำรวจสมุนไพร หมอกบ่วาย ซึ่งเป็นสมุนไพรพื้นบ้านที่ขึ้นบริเวณบึงแพรวเงือก ที่อยู่หน้าวัดป่านาเพียงใหม่ อ.โพนพิสัย จ.หนองคายซึ่งในวัดดังกล่าวได้มีการสงวนป่าอนุรักษ์สมุนไพรหลากชนิดที่มีอยู่ในตำราแพทย์แผนไทย และไม่มีในพื้นที่อื่นๆ ไว้ประมาณ 300 ไร่ 

 

Sponsored Ad

 

        สำหรับสมุนไพรหมอกบ่วาย นี้เป็นพืชล้มลุก ในอดีตหมอพื้นบ้านในภาคอีสานใช้ต้นแห้งนำมาดองกับเหล้าเพื่อรักษาโรคท้องมาน ส่วนต้นสดจะนำมาขยี้ ทาแก้ขี้กลาก เกลื้อน ส่วนในตำรายาไทย ใช้ทั้งต้นกินแก้โรคบิด ต่อมน้ำเหลืองอักเสบ และแก้ไข้มาลาเรีย 

        ทั้งนี้ ลักษณะของต้นสมุนไพรหมอกบ่วาย เป็นพืชใบเดี่ยว ขึ้นในที่โล่ง ตามทุ่งหญ้า ในที่ทรายและมีแสงแดดมาก ลำต้นแผ่ระนาบพื้นดิน ขนาดกว้างเท่ากับเหรียญสิบบาท กลีบใบสีเขียวอ่อนเรียงสลับกันมีขนสีแดงขึ้น และปลายขนจะมีเมือกใสคล้ายน้ำค้างเกาะอยู่ตลอดวัน ชาวบ้านจึงเรียกกันหลายชื่อ เช่น จอกบ่วาย หรือน้ำค้างกลางเที่ยง มีก้านช่อยาวประมาณ 10 เซนติเมตร ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ด จากการสำรวจสมุนไพรดังกล่าว พบว่า ขณะนี้มีเหลืออยู่ที่เดียวในประเทศ คือ ที่หน้าวัดป่านาเพียงใหม่ อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย และเหลือน้อยมาก ใกล้จะสูญพันธุ์ เนื่องจากถูกนายทุนบุกรุกที่ปลูกพืชยืนต้นอื่นแทน 

 

Sponsored Ad

 

        นายพินิจ ได้มอบหมายให้กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เร่งอนุรักษ์ ขยายพันธุ์ และทำโครงการศึกษาวิจัยต่อยอดภูมิปัญญาให้เกิดประโยชน์ในการแก้ปัญหาสาธารณสุขของประเทศ โดยเฉพาะการนำมารักษาโรคมะเร็งตับ โรคตับแข็ง เสียชีวิตปีละกว่า 12,000 ราย โดยพบมากเป็นอันดับ 1 ของภาคอีสาน 

        ทางด้านแพทย์หญิงเพ็ญนภา ทรัพย์เจริญ รองอธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า จากการติดตามข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ของพืชสกุลเดียวกับหมอกบ่วาย พบว่า ทั่วโลกมี 4 สกุล รวม 105 ชนิด ส่วนใหญ่เป็นพืชกินแมลง พบได้ทั่วไปในพื้นที่และอุณหภูมิแตกต่างกัน 
        ส่วนในไทยพบพืชสกุลนี้ 3 ชนิด ที่ จ.เลย เรียกว่า จอกบ่วาย มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า โดรเซอรา เบอมานนิอิ วาห์ล (Drosera burmannii vahl) ชนิดขึ้นในภาคอีสานเรียกว่า หญ้าน้ำค้าง ชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า โดรเซอรา อินดิกา แอล.(Drosera indica L.) และชนิดที่ขึ้นที่ จ.ตราดเรียกว่า ปัดน้ำ หยาดน้ำค้าง หญ้าไฟตะกาด ชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่าโดรเซอรา เพลตาตา (Drosera peltata Sm.) โดยพืชสมุนไพรในปัจจุบัน สามารถจำแนกสายพันธุ์ได้เพียง 30% เท่านั้น 

 

Sponsored Ad

 

        แพทย์หญิงเพ็ญนภา กล่าวต่อไปว่า สำหรับในกลุ่มสมุนไพรตระกูลหมอกบ่วายนี้ เป็นพืชกินแมลง จากการสืบค้นการวิจัยทั่วโลก มีงานวิจัยหลายที่ พบว่า มีสารสำคัญกลุ่มฟลาวโวนอยส์ (Flavonoids) ซึ่งเป็นยาต้านอักเสบ ยาคลายการบีบตัวของกล้ามเนื้อเรียบ ที่ประเทศบราซิลพบว่าพืชชนิดนี้ มีฤทธิ์ต้านจุลชีพ ต้านมะเร็งได้ ในประเทศแถบยุโรป ได้นำพืชสกุลนี้มาสกัดด้วยแอลกอฮอล์ นำมาใช้เป็นยาแก้ไอ โดยพบว่า ใบของพืชชนิดนี้ ซึ่งมีเมือกเหนียวๆ ใสๆ อาจเกิดการระคายเคืองได้ แต่ในส่วนของประเทศไทยยังไม่มีรายงานการวิจัย ซึ่งในตำราแพทย์แผนไทยใช้สมุนไพรนี้รักษาโรคท้องมานในอดีต ซึ่งสาเหตุของโรคท้องโตนี้ มาจากการเป็นโรคตับแข็งหรือมะเร็งตับ หรือจากไข้มาลาเรียทำให้ตับม้ามโตได้เหมือนกัน 

 

Sponsored Ad

 

        ส่วนในตำรายาอีสานของไทย ระบุว่า หมอกบ่วายเป็นยาแก้เลือดออกทางขุมขน ซึ่งน่าจะมาจากปัญหาตับวายทำให้เลือดออกง่าย เพราะฉะนั้นสมุนไพรหมอกบ่วาย น่าจะอนุรักษ์และทำการศึกษาวิจัยในทิศทางอาจใกล้เคียงกันกับต่างประเทศ หากได้ผลดีก็สามารถนำมาใช้ประโยชน์หลายอย่าง โดยเฉพาะอาจเป็นข่าวดีของผู้ป่วยโรคมะเร็งตับ ลดการนำเข้ายาจากต่างประเทศได้ 
        แพทย์หญิงเพ็ญนภา กล่าวต่อไปอีกว่า ขณะนี้มีผู้คนน้อยมากที่จะรู้จักสมุนไพรหมอกบ่วายตัวนี้ แม้แต่ชาวบ้านหนองคายก็ไม่รู้จัก ในการใช้สมุนไพรตัวนี้ต้องระวัง อาจมีอาการแพ้ได้ ต้องใช้โดยหมอแผนโบราณ หรือหมอพื้นบ้านที่มีชื่อเสียง และเชื่อถือได้ อย่ากินเองโดยพละการ เพราะสมุนไพรมีทั้งคุณและโทษ และหากประชาชนพบเห็นสมุนไพรตัวนี้ที่ใด สามารถแจ้งข้อมูลมาที่สถาบันการแพทย์แผนไทย 0-2591-7686 

 

Sponsored Ad

 

        ทั้งนี้ ในด้านการคุ้มครองพันธุ์พืชสมุนไพรนั้น ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุข อยู่ระหว่างออกกฎกระทรวงสาธารณสุข ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย และพระราชบัญญัติคุ้มครองพันธุ์พืชป่าและพืชทั่วไป พ.ศ.2542 กฎกระทรวงดังกล่าวแบ่งสมุนไพรออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ สมุนไพรที่มีความต้องการทางเศรษฐกิจ สมุนไพรที่จะสูญพันธุ์ และแผนแผนไทย ได้ตั้งกองทุนคุ้มครองภูมิปัญญาด้านการแพทย์แผนไทย เป็นเงิน 20 ล้านบาท ปีหน้าเสนอขอ 200 ล้านบาท เพื่อใช้สนับสนุนการวิจัยสมุนไพรต่างๆ สามารถส่งโครงการเข้ามาได้ผ่านกองทุนนี้ได้

 

Sponsored Ad

 

        ต้นสด “จอกบ่วาย” หรือ หยาดนํ้าค้าง มีรสขม ต้มนํ้าจนเดือดดื่มเป็นยาแก้บิด ต่อมนํ้าเหลืองอักเสบ แก้ไข้มาลาเรียดีมาก การใช้ภายนอกทั้งต้นสดตำหรือขยี้ให้แหลกทานวดแก้โรคผิวหนังได้ ตำรายาพื้นบ้านภาคอีสานเอาทั้งต้นของ “จอกบ่วาย” หรือ “หยาดนํ้าค้าง” ตากแห้งนำไปห่อด้วยผ้าขาวบางดองกับเหล้าโรง 28 หรือ 40 ดีกรี ดื่มครั้งละ 1 แก้วเป๊กต่อวัน แก้โรคท้องมานได้ ที่สำคัญและนิยมใช้กันอย่างแพร่หลายในยุคสมัยก่อนคือ ทั้งต้นสดของ “จอกบ่วาย” หรือหยาดนํ้าค้าง ตำพอละเอียดหรือขยี้ทาแก้กลากเกลื้อนเด็ดขาดนัก

        อ่านเพิ่มเติม : จุลสารข้อมูลสมุนไพร-หมอกบ่วาย


ที่มา thairath

เรียบเรียงโดย LIEKR

บทความที่คุณอาจสนใจ