"ปุ๊กกี้ ชุลีพร" เล่าชีวิตตอนป่วย "ไม่ได้ฉี่นับ 10 ปี" ค่ารักษาเกือบ 6 ล้าน เหมือนได้ชีวิตใหม่!

LIEKR:

"ที่หายมาได้เหมือนเป็นปาฏิหาริย์เลยค่ะ"

หมายเหตุ : สามารถรับชมคลิปเต็มได้ที่ด้านล่างบทความค่ะ

        ปุ๊กกี้ ชุลีพร เล่าประสบการณ์ป่วยโรคไต ไม่ได้ปัสสาวะนับ 10 ปี สูญค่ารักษาไปเกือบ 6 ล้าน จนกระทั่งได้รับบริจาคไต เหมือนได้เกิดใหม่อีกครั้ง

        เป็นอดีตดาราที่หลายคนคุ้นหน้าคุ้นตากันเป็นอย่างดี สำหรับ ปุ๊กกี้ ชุลีพร ที่ก่อนหน้านี้เจ้าตัวต้องเผชิญกับโรคไต ทำให้หายหน้าหายตาไปจากวงการบันเทิงนานถึง 8 ปี ล่าสุด (18 เมษายน 2562) ปุ๊กกี้ ได้มาเปิดใจผ่านทางรายการ คุยแซ่บSHOW เอาไว้ว่า

 

Sponsored Ad

 

- นี่เพิ่งออกจากโรงพยาบาล เสร็จสิ้นจากการผ่าตัดใช้เวลาเท่าไร ?

           ปุ๊กกี้ : ประมาณเดือนครึ่ง ตอนนี้รู้สึกมีกำลังใจ เพราะพี่ไม่มีไตมา 8 ปี เกือบ 9 ปี แล้วอยู่ดี ๆ ก็มีไต ก็เหมือนคนปกติ รู้สึกว่าเหมือนเรามีชีวิตใหม่ ได้เกิดใหม่ ใจมันเต็มอิ่ม

 

Sponsored Ad

 

 

- ไตมันเสื่อมระดับไหน ?

           ปุ๊กกี้ : คนเราไม่ใช่อยู่ดี ๆ ไตเสื่อมได้ง่าย คือพี่เป็นเบาหวาน ตั้งแต่เกิดได้รับพันธุกรรม เป็นเบาหวานตอนวัยรุ่น คือเป็นมาหลาย ๆ ปี แต่พี่ก็ยังกินทุกสิ่งอย่าง คือประมาทกับชีวิตมาก ๆ โดยไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นอะไร เพราะว่ายังสาว ยังเด็ก ยังทำงาน ยังมีแรง แล้วพอมันเป็นมันเป็นเลย ถามว่าตรวจร่างกายไหมก็ตรวจ แต่ด้วยความที่เราปล่อยปะละเลย พอเวลาผ่านไปหลาย ๆ ปี มันก็กลายเป็นโรคแทรกลามเข้ามา โรคแทรกก็มีความดัน แต่ยังดีที่หัวใจแข็งแรงไม่เป็นอะไร แล้วก็เป็นไต ซึ่งไตนี่ต้องฟอกเลือด เปลี่ยนชีวิตเลย อาทิตย์นึงต้องไปฟอกเลือด 3 วัน มันเป็นภาระของชีวิตมาก ๆ เจ็บปวดทรมาน

 

Sponsored Ad

 

- คนที่เป็นโรคไต ตลอด 8 ปีที่ผ่านมา พี่ไม่ได้ปัสสาวะเลย ?

           ปุ๊กกี้ : ใช่ค่ะ เพราะว่าไตวายไม่ทำงาน จะไม่มีปัสสาวะ ไปไหนไม่เคยเข้าห้องน้ำเลย ต้องไปเอาของเสียออกทางเลือด

 

 

Sponsored Ad

 

- 8 ปี พี่ทนได้ยังไงกับความรู้สึกแบบนี้ ?

           ปุ๊กกี้ : ไม่ใช่ว่าพี่ทนนะ คือปีแรกพี่ร้องไห้ทุกวัน เพราะว่าคนเคยทำงาน แล้วเวลาเห็นเพื่อน ๆ ในทีวีเราอยากเล่น มันคิดถึง มันอยู่ในสายเลือด แต่พอปีที่ 2 มานั่งร้องไห้อีก ปีที่ 3 เริ่มคิดว่าถ้าเราจะอยู่กับอาการและอารมณ์แบบนี้มันจะไปได้สักกี่น้ำ ก็ค่อย ๆ ปรับ เอาธรรมมะเข้ามาช่วย มันก็ค่อย ๆ ดีขึ้น แล้วก็อยู่กับโรคนี้ได้

 

- พี่ปุ๊กกี้ได้ไตใหม่เรียบร้อยแล้ว ?

 

Sponsored Ad

 

           ปุ๊กกี้ : ค่ะ จากผู้บริจาค คือคนที่เป็นโรคไตจะลงชื่อขอบริจาคไตจากสภากาชาดไทยเอาไว้ ก็จะถูกรันเรียกไปตามคิว ซึ่งพี่ลงไว้ตั้งแต่ปีแรกที่พี่เป็น คือ 8 ปีกว่า ไม่เคยโดนเรียกเลยสักครั้ง

- แล้วตอนที่เขาเรียก เราได้ไตเรื่องราวมันเป็นยังไง ?

 

Sponsored Ad

 

           ปุ๊กกี้ : ตอนนั้นประมาณตี 5 กว่า ๆ มีโทรศัพท์มาที่บ้าน ทีนี้มือพี่ไปถูกโทรศัพท์มันก็เลยไม่มีเสียง มันก็กลายเป็นสั่นแทน พี่ก็หงุดหงิดมาก คิดว่าใครโทร. ผิด พี่ก็ไม่รับ มันสั่นประมาณ 5 ครั้งพี่ก็เลยรับ เขาบอกว่าโทร. จากศูนย์เปลี่ยนถ่ายอวัยวะศิริราช ดีใจไหมคะ เท่านั้นแหละพี่อึ้งเลย พอไปถึงโรงพยาบาลเขาบอกว่าต้องทำใจนะถ้าผู้บริจาคไตที่เสียชีวิตไปแล้วอยากให้ไตเราคุณก็ได้ ถ้าเขาไม่อยากให้คุณก็ไม่ได้

 

- ความรู้สึกที่รับรู้ว่าเรามีสิทธิ์ที่จะได้ไต ตอนนั้นมันเป็นยังไง ?

Sponsored Ad

           ปุ๊กกี้ : ดีใจมากค่ะ พี่ฟอกเลือดมานาน คนข้าง ๆ พี่ก็เคยผ่าตัด แล้วก็ไม่สำเร็จ ผ่าตัดแล้วไตไม่ทำงาน บางคนผ่าตัดแล้วเส้นเลือดไม่ทำงานบ้าง เยอะแยะไปหมด  เพราะฉะนั้นสิ่งต่อไปที่พี่ภาวนาก็คือเมื่อผ่าตัดไตแล้วขอให้ไตทำงาน ปรากฏว่าเขาก็ไม่ทำงาน จนกระทั่งวันที่ 7 เขาถึงทำงาน พี่ต้องต่อสู้กับจิตใจว่าทำยังไงให้ใจชนะความกังวล

- เห็นบอกว่าพี่อธิษฐานจิตถ้าทุกอย่างเรียบร้อยพี่จะไปบวช ?

           ปุ๊กกี้ : ใช่ บวชให้กับผู้บริจาคไต พี่ตั้งใจไว้จะบวชให้เขา 7 วัน

 

- อันนี้ถือว่าเป็นปาฏิหาริย์ครั้งสำคัญในชีวิตไหม ?

           ปุ๊กกี้ : คือพยาบาลเขาก็บอกว่าคุณโชคดีนะ ยิ่งกว่าถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 อีก เพราะว่าเหมือนมันมีชีวิตใหม่ พอไตทำงานพี่ดีใจมาก ๆ เพราะพี่ไม่ได้ปัสสาวะมาเกือบ 10 ปี

- แล้วตลอดเวลาใครช่วยพี่ดูแลเรื่องค่าใช้จ่าย ?

           ปุ๊กกี้ : พี่ดูแลตัวพี่เอง เพราะพี่เป็นคนเก็บเงินตั้งแต่เด็ก แล้วพี่ยังไม่ได้เดือดร้อน ถามว่าเก็บเยอะไหมพี่ก็ซื้อของนะ พวกแบรนด์เนมก็มี พี่ซื้อรถเบนซ์เงินสด

 

- ค่าใช้จ่าย 8 ปี พี่หมดไปเท่าไร ? 

           ปุ๊กกี้ : พี่ป่วยทั้งหมดสิบกว่าปี ประมาณ12 ปีตั้งแต่เริ่มป่วย แต่ฟอกเลือดเกือบ 9 ปี ซึ่งพี่นับแค่ปีที่ 8 นะ พี่หมดไปเกือบ 6 ล้าน แต่พี่เอาสบายนะ พี่รักษาเอกชนบ้าง รัฐบาลบ้าง เพราะฉะนั้นมันจะหมดเยอะ พอตั้งแต่ปีที่ 9 มาพี่เริ่มประหยัด ใช้แต่ประกันสังคม เพื่อจะประหยัดเงินเอาไว้

- แล้วเตรียมตัวเรื่องบวชหรือยัง ?

           ปุ๊กกี้ : พี่อาจจะบวชชีพราหมณ์แล้วก็ปฏิบัติธรรมอย่างเข้มงวด ก็เตรียมตัวไว้ว่าน่าจะพฤษภาคม

- อาการป่วยครั้งนี้พี่เห็นทั้งมิตรแท้ มิตรเทียม ?

           ปุ๊กกี้ : คือมันไม่เชิงเห็นแต่มันวิเคราะห์ได้ คือมีวันนึงคิดถึงเพื่อนมากเลย วันนั้นแข็งแรงก็เลยอยากโทรศัพท์คุย แต่พี่สนิทกับหลายคนแต่พี่เลือกเขาก็เป็นเพื่อนดาราด้วยกัน พี่ก็โทรศัพท์ไปหาเขา ไม่ได้คุยกันมาเกือบ 10 ปี เขาก็งง ๆ จำไม่ได้ พี่ก็บอกว่าพี่ปุ๊กกี้ไง เขาก็บอกว่าจำได้ แต่เขาก็งง ๆ ทีนี้พี่ก็ชวนเขาคุย เขาก็คุยอีกสักพักเขาก็พูดเรื่องเงิน พี่ก็พูดเรื่องอื่น แต่เขาก็กลับมาพูดเรื่องเงินประมาณ 4-5 รอบ จนพี่งง ๆ  แล้วพี่ก็มานั่งงง ๆ แป๊บนึงก็คิดได้ว่าเคยมีผู้ใหญ่บอกเรา ถ้าเพื่อนหายไป 5 ปี 10 ปี ถ้ากลับมาให้นึกไว้ก่อนเลยว่าเขามายืมเงิน คือเขาต้องคิดว่าเราไปยืมเงินแน่ ๆ ต่อไปนี้ไม่โทร. หาใครแล้วมันเหมือนกับเราไปยืมเงินเขา แล้วมันก็มีอีกนะ บางทีเราเคยสนิทกับดาราคนนี้ ไม่ใช่สนิทธรรมดานะ สนิทมากแล้วไม่ได้เจอกันนานแล้ว พอไปเจอกันที่งานเขาก็บอกว่าสวัสดี แล้วก็เดินไป คือพี่งง เมื่อก่อนไม่ใช่แบบนี้ พี่ก็คิดว่า อ่อเราไม่ดังแล้ว คือคิดเอง แต่ว่ามันเจออย่างนี้หลายคนแล้ว มันก็เลยคิดว่าตอนเราดังเขาเป็นกับเราอย่างนึง เขาเดินเข้ามาหาเรา แต่พอเราไม่ดังเขาเป็นอย่างนี้ แต่พี่ไม่เคยคิดว่านั่นคือปมด้อยของชีวิต เพราะว่าพี่พอใจกับสิ่งที่พี่มี

ชมคลิป

คลิปเปิดไม่ออก >>> กดตรงนี้ คลิ๊ก <<<

ข้อมูลและภาพ จาก kapook

บทความแนะนำ More +

บทความที่คุณอาจสนใจ