จาก "เศรษฐีพันล้าน" ล้ม.. จนต้องมาเป็น "พ่อค้าก๋วยเตี๋ยว" บทเรียนราคาแพงที่ต้องจ่ายทั้งชีวิต!

LIEKR:

#ชีวิตมีขึ้นมีลงอย่าดูถูกใครบทเรียนชีวิตจากเรื่องจริงที่เตือนใจเราว่า "รวยแล้วอย่าทะนงและลืมตัว" "ลำบากตอนแก่น่าอนาถใจที่สุด"

        ว่าด้วยเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ แล้ว ต้องยอมรับว่ามันไม่เข้าใครออกใครจริงๆ ต่อให้เป็นเศรษฐีรวยล้นฟ้า วันดีคืนดี เงินในบัญชีก็หายไปได้ในชั่วพริบตา ดังเรื่องราวสุดสะเทือนใจที่จะเล่าต่อไปนี้ เป็นชะตาชีวิตที่พลิกผันจากหน้ามือเป็นหลังมือของมหาเศรษฐีพันล้านในกรุงเทพท่านหนึ่ง 

        ที่ปัจจุบันกลายเป็นเพียงพ่อค้าหาเช้ากินค่ำ เช่าห้องแถวถูกๆเพื่อเปิดร้านต่อลมหายใจในบั้นปลายชีวิต กลายเป็นอุทาหรณ์สอนใจหนุ่มสาวทั่วโลกออนไลน์อยู่ในขณะนี้

 

Sponsored Ad

 

        เรื่องราวดังกล่าวเป็นเรื่องของมหาเศรษฐีพันล้าน เจ้าของที่ดินในกรุงเทพมหานครและตามเมืองใหญ่ๆของประเทศ รวมกว่า 500 ไร่ ทำธุรกิจค้าไม้ได้กำไรอย่างงาม เคยใช้ชีวิตสุขสบาย หรูหรา ใช้จ่างไปกับการกินการดื่มครั้งละเป็นแสน!! ส่งเสียลูกๆทุกคนไปเรียนเมืองนอก ขณะที่ภรรยา ก็ชอบเล่นหุ้นจนมีรายได้เป็นเงินสดกว่าร้อยล้าน! แม้แต่ในช่วงวิกฤตต้มยำกุ้ง ปี 40 ตัวเขาเองก็ยังไม่ได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาดังกล่าว

        กระทั่งมาในปีที่น้ำท่วมหนัก ขณะนั้นเขาเลิกทำธุรกิจค้าไม้มาตั้งโรงงานอะไหล่ที่ จ.อยุธยา ผลกระทบจากอุทกภัยในครั้งนั้น ทำให้ทรัพย์สินของเขาทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น รถ 19 คัน บ้าน 5 หลัง ที่ดินและเงินสดทั้งหมดสูญไป ภรรยาเล่นหุ้นขาดทุนกว่า 400 ล้านบาท! บรรดาลูกๆต่างทำธุรกิจขาดทุนจนหมดตัวภายใน 2 ปี ทุกอย่างหายไปในพริบตา ทิ้งไว้เพียงหนี้กองโตจำนวนกว่า 200 ล้าน!

 

Sponsored Ad

 

        ส่งผลให้ปัจจุบันเขากลายเป็นบุคคลล้มละลาย ต้องไปหยิบยืมเงินจากญาติที่ตัวเองเคยดูถูกเหยียดหยามเอาไว้ เพื่อมาเช่าห้องแถวราคาถูกเป็นที่พักอาศัยเปิดร้านขายก๋วยเตี๋ยวยกหม้อล้างจาน ทำงานหนักคนเดียวในวัย 76 ปี! ลูกๆหนีหาย ภรรยาก็ไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไร ก่อนเขาจะได้รับรู้ความจริงสุดสะเทือนใจบางอย่าง เกี่ยวกับเงินก้อนนี้ จนในที่สุด เขาก็รู้ซึ้งถึงสัจจะธรรมชีวิต สำหรับคนที่เคยทะนงตนในยามร่ำรวย ถึงวันที่ไม่เหลืออะไร คนที่คุณเคยดูถูกไว้ อาจจะเป็นคนที่ให้ชีวิตคุณอีกครั้งก็ได้ !!!

 

Sponsored Ad

 

อ่านรายละเอียดฉบับเต็มด้านล่าง

#ขอเวลาสัก 1 นาที อ่านแล้วดีจริงๆ...
        จากมหาเศรษฐี "รวยพันล้าน" หมดตัวไม่เหลืออะไร ชีวิตตอนแก่สุดแสนลำบาก รวยแล้วอย่าลืมตัว บทเรียนจากชีวิตจริง!!
"ชีวิตมีขึ้นมีลงอย่าดูถูกใคร"

        มีอดีตเจ้าของที่ดินมากกว่า 500 ไร่ท่านหนึ่งเล่าให้ฟังว่า เมื่อก่อนผมมีที่ดิน 500 ไร่ รวม ๆ กันทุกเขตของกรุงเทพ และเมืองใหญ่ ๆ ทั่วประเทศ ตอนนั้นเมื่อ 30 ปีที่แล้ว ผมพกเงินในกระเป๋ากินเหล้าครั้งละแสน ทำธุรกิจค้าขายไม้ ได้เงินดีจริงๆ ลูกๆผมส่งเรียนเมืองนอกหมด ไม่ต้องทำงานเรียนอย่างเดียว

 

Sponsored Ad

 

        เมียผมชอบเล่นหุ้น หุ้นก็ขึ้นเอา ๆ เรามีเงินสดหลายร้อยล้าน มีญาติผมคนหนึ่งเดือดร้อนมายืมเงินผม ผมด่าเขาซะไม่มีชิ้นดี แต่ก็ให้เงินไปนะแสนนึง แล้วบอกเขาว่า ไม่ต้องมาหากูอีกนะ กูทานให้ เขารับเงินพร้อมน้ำตา "ตอนนั้นผมไม่รู้หรอกว่าเขาจะรู้สึกยังไง"

        ปีต้มยำกุ้งผมไม่สะดุ้ง แต่ปีน้ำท่วมน้ำพัดทุกอย่างไปจากชีวิตผมจริง ๆ เมื่อผมคิดการใหญ่ตั้งโรงงานอะไหล่ที่อยุธยา ไม่ได้ทำโรงไม้แล้ว รถผม 19 คัน บ้านอีก 5 หลัง ที่ดินทั้งหมดและเงินสดที่เคยมี แฟนผมเล่นหุ้นเจ๊งไปสี่ร้อยกว่าล้าน ลูก ๆ ทำธุรกิจก็หมดตัวขาดทุนย่อยยับ ภายใน 2 ปีสิ่งที่ผมมีมันหายไปหมด เหลือไว้เพียงหนี้สินสองร้อยกว่าล้าน

 

Sponsored Ad

 

        ปัจจุบัน ผมคือบุคคลล้มละลาย เช่าห้องแถวอยู่พอได้ขายก๋วยเตี๋ยวประทังชีวิตรอความตายไปวัน ๆ เมียผมก็ไม่มีกระจิตกระใจทำอะไร ลูก ๆ ผมไม่เคยเห็นหน้า ตอนนี้ผมอายุ 76 ผมต้องยกหม้อก๋วยเตี๋ยว ล้างจาน

        ทุกวันนี้ผมปลงได้แล้วนะ ผมมาลำบากตอนแก่ เงินค่าเช่าห้องนี้ผมไปยืมกับคนที่ผมเคยด่าเขาแล้วให้เขาไปแสนนึง ลูกเขายื่นเงินให้ผมแสนห้าแล้วบอกผมว่า "พ่อผมบากหน้าไปยืมเงินคุณลุงเพราะตอนนั้นผมเข้าโรงพยาบาลผ่าตัดสมอง พ่อนั่งร้องไห้ คุณลุงด่าแล้วโยนเงินให้เหมือนหมา

 

Sponsored Ad

 

        ลุงบอกว่าจะตีพ่อ พ่อก็ยอมเพราะชีวิตลูกมีค่ามากกว่าสิ่งใด ต่อให้ทำร้ายร่างกายและจิตใจพ่อก็ยอม ถ้ามีเงินจะให้คืนคุณลุง แสนนี้ผมคืน ห้าหมื่นคือดอกเบี้ย เราไม่มีหนี้บุญคุณกัน แต่ถ้าคุณลุงลำบากคุณลุงมายืมกับผมๆจะให้กู้ ผมจะไม่ด่าคุณลุงเหมือนที่คุณลุงด่าพ่อผม จริงๆถ้าไม่มีเงินคุณลุงผมคงตายแล้ว แต่ถ้าพ่อผมไม่อดทนเพื่อแลกชีวิตผม ผมก็ตาย ผมทำตามที่พ่อบอกแล้ว ลูกพ่อดูแลพ่อ ส่วนลูกคุณลุงผมไม่รู้ กรรมของใครของมัน"

        ผมเดินร้องไห้มาถึงบ้าน เอาเงินจ่ายค่าเช่าห้องแถว ลงทุนมีเงินเก็บไว้ 30,000 บาท และผมเข้าใจความรู้สึกของคำว่า "กรรมนั้นตามสนอง"

Sponsored Ad

        หลานไม่ได้ด่าผมแต่หลานพูดความจริง เพียงแต่ผมรับความจริงไม่ได้ แต่ตอนนี้ผมมีความสุขดีนะ พระ แม่ชี ขอทาน มากินก๋วยเตี๋ยวที่ร้านผม ผมไม่คิดเงิน ตอนผมมีเยอะๆ ผมเบื่อคนบอกบุญ ผมหลอกเขาว่านับถือคริสต์ ผมไม่เคยทำบุญ

       ผมเที่ยว ผมกิน ผมมีผู้หญิง ตอนนี้ผมหมดตัวมีหนี้สิน สิ้นเพื่อน ไร้ลูก ผมถึงได้ฟังธรรมะ เข้าวัดเป็น รู้จักทาน อีกหน่อยก็คงตายไป ผมห่วงแค่เมียผม ผมภาวนาให้เมียผมตายก่อนผม เพราะถ้าผมตายก่อนเมียผม ผมจะตายตาไม่หลับ

        ไม่ต้องถามว่าร้านอยู่แถวไหน เพราะจะไม่บอก เก็บเรื่องราวมาให้อ่าน คนอ่านจบได้กำไร คนขี้เกียจอ่านก็คงพลาดโอกาส กำลังใจจากคุณตาที่ให้มา "ไม่มีคำว่าอดตายสำหรับคนขยัน ไม่มีการปลงตกถ้าไม่เคยสูงสุดแล้วมาต่ำสุด"

        เรื่องนี้สอนใจได้ดีมากสำหรับใครหลาย ๆ คนที่ทะนงตนและลืมตัว ยามที่ร่ำรวยมีเงินทอง จงอย่ามองคนอื่นเช่นผักปลา ใครจะรู้ว่าวันหนึ่งที่ตนเองไม่เหลืออะไร คนที่เราเคยดูถูกไว้ อาจให้ชีวิตเรากลับมาอีกครั้ง

ด้านชาวเน็ตได้เข้ามาแสดงความคิดเห็นกันอย่างมากมาย

.

        **เรื่องราวของคุณลุงตกอับวัย 76 ปี ถูกถ่ายทอดไว้ในเว็บไซต์ในโลกออนไลน์ โดยผู้เขียนระบุชัด ไม่ขอเปิดเผยตัวตนของคนในเรื่อง พร้อมยืนยันว่า ทั้งหมดนี้คือความจริง**

        หมายเหตุ : ทางทีมงานได้รวบมาเพื่อให้เป็นประสบการณ์และตัวอย่างในการใช้ชีวิตเท่านั้น ไม่ได้จัดทำขึ้นเพื่อตอกย้ำหรือซ้ำเติมบุคคลท่านใดนะคะ

ข้อมูลและภาพ จาก taibann

บทความแนะนำ More +

บทความที่คุณอาจสนใจ