"นุ๊ก สุทธิดา" เล่าชีวิตที่ต้องห่างสามี ควงลูกชายเปิดใจ หลังสามีขอกลับประเทศ มรสุมชีวิตถาโถม

LIEKR:

ขอเป็นกำลังใจให้นะคะ

    นับว่ามรสุมชีวิตถาโถมเข้ามาใส่ไม่มีพักเลยทีเดียว สำหรับ นุ๊ก สุทธิดา นักแสดงสาวผู้โด่งดังในยุค90 ปัจจุบันก็ยังคงมีผลงานต่อเนื่องให้แฟนๆได้ติดตามกัน และเมื่อไม่นานมานี้ เจ้าตัวตรวจพบว่าตัวเองป่วย เป็น ม ะ เ ร็ง ไ ท ร อ ย ด์ จนต้องเข้าพักรักษาตัวนานหลายสัปดาห์ จนกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติอย่างเข้มแข็งได้อีกครั้ง เพราะได้กำลังใจดีจากลูกๆและครอบครัว

    ล่าสุด นุ๊ก สุทธิดา ได้ควงลูกชาย มาเปิดใจผ่านรายการ Club Friday Show ถึงชีวิตที่ไม่เคยท้อเมื่อรู้ว่าตัวเองป่วย ซ้ำยังรู้สึกโชคดีด้วยซ้ำ พร้อมเผยความในใจที่เก็บมานานต่อหน้าสามี 

 

Sponsored Ad

 

    เกิดจุดเปลี่ยนในชีวิต หลังรู้ตัวว่าป่วย เพราะย้อนกลับไป 2-3 ปีก่อนหน้านี้ คือนุ๊กจะขับถ่ายตรงเวลา ตั้งแต่เกิดจนถึงอายุเรา 39-40 ปีเนี่ยค่ะ แต่ตอนนั้นมันช้าไป 1 ชั่วโมง 2 ชั่วโมง เราก็เริ่มรู้สึกมันผิดปกติ ว่าต้องมีอะไรในระบบของกายเรา จนมาคลำเจอก้อนเป็นเกี่ยวกับไทรอยด์ 

 

Sponsored Ad

 

    คุณหมอไม่ได้บอกเราด้วยนะคะ เรารู้ด้วยตัวเราเองจากอาการ รู้สึกของเราหลังจากนั้นทุกอย่างมันเงียบมากค่ะ เหมือนเราถูกทิ้งไว้กลางทะเล มันเคว้งมากเลย แล้วเรารู้สึกว่า ม ะ เร็ ง เท่ากับ ต า ย อยู่เหมือนมีคนมาชี้หน้าเราว่าเธอกำลังจะไม่รอด 

    พอเราได้ยินประโยคนั้นปุ๊บ คำถามความเป็นห่วงร้อยแปดมันขึ้นมา ลูกจะอยู่ยังไง ทุกอย่างมาเร็วมาก คำถามเป็นร้อยเลย ในช่วงเวลาแค่เราดีดนิ้ว จนสุดท้ายเรามองตัวเองว่าเรากำลังตกใจ เราจะทำอะไรไม่ได้ถ้าเป็นแบบนี้ เราก็บอกกับตัวเอง นุ๊กหยุดๆ แล้วหายใจลึกๆ ช่วงคิดตอนนั้นคือ คุณหมอก็กำลังส่องกล้องอยู่ด้วย

 

Sponsored Ad

 

    เริ่มบอกตัวเองคุยกับตัวเองว่าทีละคำถาม เราก็สูดหายใจลึกๆ แล้วถามตัวเองอะไรที่กลัวที่สุดถ้าไม่อยู่แล้ว ลูก ค่อยๆ จัด อดัม จะอยู่ยังไงเรื่องระบบการเงินถ้าเราไปแล้ว ภาระต้องไปอยู่ที่พ่อแม่เรา พ่อแม่เราอายุเยอะแล้วต้องมานั่งดูแลเด็กสามคน เราเริ่มจากการจัดระบบการเงินก่อน เพื่อที่ทุกคนจะได้ไม่ลำบาก 

    ส่วนเรื่องลูกต้องกลับไปคุยกับสามี ลูกจะต้องอยู่เมืองไทย พี่กับน้องต้องอยู่ด้วยกัน แพลนมาจนถึงเจ็บไหม เราจะจากไปทรมานไหม เราก็ค่อยๆ ปลอบตัวเองว่าจริงๆ เป็นเรื่องที่ดีนะ คือเราไม่ได้คิดเลยถึงเรื่องหายในตอนนั้น เพราะเราตอบในสิ่งที่มันกลัวที่สุดและอยู่ตรงหน้า พอเราได้คำตอบทุกอย่างหมดแล้วเราก็โอเค กลับไปแล้วไปทำตามแผนที่วางไว้ เรารู้สึกว่าชีวิตทุกอย่างมันง่ายขึ้นมาก

 

Sponsored Ad

 

    เมื่อเป็นแล้ว เราก็บอกคนในครอบครัว ง่ายๆเหมือนกับบอกว่าเราเป็นหวัด กลับบ้านไปเดินผ่านบอกสามีก่อนสั้นๆ แล้วเดินไปบอกลูกก็สั้นๆ ว่าเดือนหน้าแม่จะต้องไปตัดแล้วนะ แม่เป็น ม ะ เร็ ง นะ แล้วปิ๊ปโป้ เขาก็ครับ แล้วเขาก็เดินกลับมาถามเราใหม่แม่ว่ายังไงนะ แม่เป็น ม ะ เร็ ง เหรอ ส่วนปาแปงเขาตอบสั้นๆ ครับ”

    ตอนที่ป่วยตอนนั้น เรามองข้ามสามีไปเลย ตอนที่รู้เรื่องเสร็จกลับบ้าน ใจเราคือต้องทำอะไรเพื่อลูกบ้าง เราลืมให้ความสำคัญกับเขา เปิดประตูบ้านมาเจอเขา ก็บอกว่า เป็นมะเร็งนะ แล้วก็เดินผ่านไปเลย ไปเล่นกับลูก ไปร้องไห้กับลูก ตอนนั้นสามีโกรธมาก

 

Sponsored Ad

 

    แต่ตอนนั้นเขาไม่ได้พูดออกมา แล้วพอได้คุย เขาก็บอกว่าคนอะไรไปตรวจวันแรกแล้วรู้ว่าเป็นโดยไม่มีการเจาะ ไม่เข้าห้องแล็บเหรอ ทำไมมั่นใจว่าเป็นมะเร็ง ที่เขาโกรธเพราะน้องสาวเขาจะแต่งงาน แล้วเขาคิดว่าเราไม่อยากให้เขากลับบ้านเลยแกล้งป่วย

    มาเคลียร์กันตอนหลังจากผ่าแล้ว เพราะตอนแรกเขาคิดว่าเป็นเนื้องอกเล็กๆ น้อยๆ เพราะเราทำทุกอย่างง่ายมาก ไปตรวจก็ไปคนเดียว ไปผ่าก็ขับรถไปคนเดียว ผ่าเสร็จก็ขับรถกลับคนเดียว

 

Sponsored Ad

 

    ตอนที่ตรวจเสร็จแล้วกลับบ้านค่ะ แล้วเห็นอดัม เราเข้าไปเล่นกับเขา แล้วน้ำตามันไหลออกมาเอง อย่าง ปิ๊ปโป้ กับ ปาแปง ยังไงก็รักนะคะ ลูกเรา แต่เพราะอดัม เด็กน้อยจริงๆ คิดในใจถ้าเขาตื่นมาแล้วไม่เจอเราเขาจะเป็นยังไง

    เรารู้สึกว่าต้องขอบคุณมันจริงๆ วันที่นุ๊กทำความเข้าใจกับมัน เรารู้สึกว่าโชคดีมากๆ ที่ได้เป็น ม ะ เ ร็ ง ได้เป็น โ ร คร้ า ย ที่ไม่ได้ถึงกับคร่าชีวิตเราไป ณ วันนั้น แต่ทำให้เราเรียนรู้ว่ามนุษย์ต้องอยู่กับความไม่ประมาททุกลมหายใจ

Sponsored Ad


    ความตั้งใจของสามี ที่เขาคิดจะกลับบ้าน เราก็ถาม ลึกๆ ก็เสียใจเหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็คิดว่าไม่เป็นไรมันเป็นความต้องการของเขา เราไม่มีสิทธิ์ที่จะไปเหนี่ยวรั้ง ณ ตอนนั้น แล้วคือมันไม่มีเวลาให้น้อยใจ เพราะลูกเยอะ แล้วเราเตรียมการให้ลูกเราเยอะเลย

    นุ๊กโชคดีที่สามีนุ๊กเด็กด้วยเราเลยไม่ห่วง เพราะเราคิดว่าถ้าเราไป เขาต้องแต่งงานใหม่อยู่แล้ว ก็ถามเขานะคะ เรื่องที่เขาจะกลับบ้านไหม แต่พอเขารู้ว่าเราป่วยจริงๆ เขาบอกว่าจะกลับได้ยังไงต้องดูแล ต้องช่วยกันดูแลลูก เขากลับไม่ได้หรอกเพราะยูไม่มีใครช่วยดู

    สามีไม่ค่อยได้กลับบ้านที่มาเลเซีย พอเราแต่งงานกันแล้ว เปิดยิม แล้วคือที่ยิมคือมีเขาคนเดียวที่ขายได้ มันเลยกลายเป็นภาระของเขา ที่เขาจะต้องอยู่ แต่ว่าเขาไม่ได้มองถึงเรื่องตรงนี้ แต่เขามีความน้อยใจว่า เรากีดกันไม่ให้เขากลับบ้าน เราคงไม่ชอบครอบครัวเขา ครอบครัวเขาจน

    เราไม่ได้คิดอย่างนั้นเลย แล้วเขาอาจจะน้อยใจแล้วฝังอยู่ตลอด 2 ปี แล้วอยู่ๆ เราก็ไปบอกเขาว่าเราป่วย แต่พอเราได้คุยกับเขาสองคนอย่างจริงจัง นุ๊กเข้าใจเขานะคะ ณ วันนี้ สุดท้ายเราก็ต้องพลัดพรากจากกัน เพราะว่าเขาต้องกลับมาเลเซีย แล้วไม่รู้ว่าจะได้กลับมาเมื่อไหร่ เพราะพาสสปอร์ตของเขาหมดอายุตั้งนานแล้ว ทำอะไรไม่ได้ เขาไม่ให้เดินทาง

    แล้วตอนนี้รัฐบาลเพิ่งออกกฎหมายว่ามีสิทธิ์ถึงวันที่ 26 จะต้องออกไป ไม่งั้นติดแบล็กลิสต์ เขาจะต้องทำ VISA ที่โน่น ซึ่งกระบวนการทำวีซ่าขนาดอยู่ในเมืองไทยจะต้อง 3 เดือนขึ้นไป แล้วไม่รู้ว่อนาคตจะได้กลับเข้ามาอีกไหม

    แต่สุดท้ายเราก็ต้องพลัดพรากจากกัน แต่เขาก็ยังมีความฝังใจนะคะ คือ เขารู้ก่อนอาทิตย์หนึ่งแล้วที่เขาจะต้องกลับ แต่เขาไม่กล้าบอกเราเพราะเขากลัวว่าเราจะงอนไม่ให้เขากลับ แต่เราก็ไม่ได้แก้ตัวนะคะ เราก็แสดงให้เขาเห็นดีกว่าว่าเราไม่ได้คิดอย่างนั้นจริงๆ

    ทั้งครอบครัว สามี และลูกชายให้กำลังใจนุ๊กเสมอ นุ๊กขอบคุณมากๆ ที่คอยซัพพอร์ตนุ๊กมาตลอดในทุกๆ เรื่องในชีวิต แล้วก็ …ได้โปรดกลับมานะ (เขิน)

    สุดท้ายนี้ ฮากีม สามีของนุ๊กได้กล่าวว่าผมรักคุณทั้งหมดชีวิตของผม ตั้งแต่วันแรกจนถึงตอนนี้ ไม่เคยเปลี่ยน โดยเฉพาะเมื่อ อดัม ปาแปง ปิ๊ปโป้ โตขึ้น เราก็ยังจะอยู่ด้วยกันเป็นทีมแบบนี้ตลอดไป

.

ชมคลิป สามีไม่เชื่อ ร้องไห้ต่อหน้าลูก 

.

ชมคลิป สัญญาจากหัวใจ ต้องกลับมาหากัน

คลิปเปิดไม่ออก >>>>> กดตรงนี้ คลิ๊ก !!!! <<<<<

อ่านบทความเพิ่มเติม : "นุ๊ก สุทธิดา" น้ำตาไหล! เล่ามิตรภาพ 30 ปี "โก้ ธีรศักดิ์" จากโดนตามด่า กลายเป็นเพื่อนรักซี้ปึ้ก ยอมใช้ทั้งชีวิตให้โก้ยังได้

ที่มา : Club Friday Show

บทความที่คุณอาจสนใจ