กว่าจะมาถึงจุดนี้ ! "นาย นภัทร" เล่านาทีเคยจูงมือแม่ "พากันไปลาออก" เพราะไม่มีเงินจ่ายค่าเทอม !

LIEKR:

กว่าจะมาถึงจุดนี้ ! "นาย นภัทร" เล่านาทีเคยจูงมือแม่ "พากันไปลาออก" เพราะไม่มีเงินจ่ายค่าเทอม !

    ถือเป็นอีกหนึ่งคนในวงการบันเทิงมากความสามารถ แถมยังมีจิตใจงดงาม สำหรับพระเอกหนุ่มนาย – ณภัทร เสียงสมบุญ ที่เคยได้ออกมาเปิดใจกับทางสำนักข่าว amarintv ถึงเรื่องเกี่ยวกับโปรเจคต์ CSR ต่างๆ ที่เจ้าตัวอยากจะแบ่งปันโอกาสดีๆ คืนสู่สังคมบ้าง แต่กว่าจะมาถึงวันนี้ได้ พระเอกหนุ่มคนนี้ก็รับโอกาสจากคนอื่นมาไม่น้อย เขาจะผ่านอะไรมาบ้าง ไปอ่านกันเลยค่ะ

เริ่มรู้จักการ “ให้” ตั้งแต่เมื่อไหร่?

 

Sponsored Ad

 

    “เอาที่ผมท้าวความได้เลยนะครับ มันมาจากการทำงานอย่างหนึ่งของผม ที่ต้องไปร้องเพลงในเทศกาลดนตรีที่เข้าใหญ่ แล้วก็มีแฟนคลับไปด้วย แล้วก็เป็นช่วงหน้าหนาว ก่อนหน้านั้นผมกังวลมาก เพราะว่าร้องเพลงไม่เก่ง กลัวว่าจะร้องไม่เพราะ คือจะเครียดมาก แล้วครูสอนร้องเพลงของผมบอกว่า เราลืมไปหรือเปล่าว่ามีกี่คนที่มาดูเรา เดินทางมาไกลแค่ไหนเพื่อเรา นั่งรถมาเพื่อเรา เสียเงินเท่าไหร่เพื่อเรา แล้ววันนั้นก็เหมือนเป็นจุดเปลี่ยน เรากลับมาคิดว่าเราร้องเพื่อส่งความสุขให้กับพวกเขา แล้ววันนั้นก็เป็นวันที่ผมแฮปปี้มากที่สุดเลย ผมก็เลยเริ่มรู้จักการให้ในเรื่องวงการของผม หลังจากนั้นก็มีแฟนมีตติ้ง ผมไม่สามารถมีอะไรให้เลยนอกจากรอยยิ้ม หรือว่าสิ่งที่บางคนกำลังเจออยู่ แล้วผมปลอบเขาหรือให้กำลังใจเขา น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นจากตรงนั้น ก็คงเป็นแฟนคลับของผมทั้งหมดเลย ที่ผมตั้งใจทำผลงานทุกอย่างก็เพื่อพวกเขา”

 

Sponsored Ad

 

ย้อนกลับไปในตอนที่เราเป็นผู้ “รับโอกาส” ตอนนั้นรู้สึกอย่างไรบ้าง?

    “รู้สึกดีใจ เพราะว่ามันมีอยู่วันนึงที่ผมกับแม่จูงมือกันไปโรงเรียน เพื่อไปลาออก เพราะว่าไม่มีเงินจ่ายค่าเทอมแล้ว แล้วเหมือนกับที่โรงเรียนถามว่าจะไปเรียนที่ไหนยังไง ค่าใช้จ่ายโรงเรียนใหม่เท่าไหร่ เราก็บอกเขาไป ซึ่งมันต่างกันลิบลิ่วมาก แต่ผมเป็นนักกีฬากอล์ฟ แล้วผมก็เป็นเด็กตั้งใจจริงๆ เวลาทำอะไรผมทำเต็มที่มาก ใส่ใจกับทุกรายละเอียด เขาคงเห็นตรงนี้ ก็เลยให้การสนับสนุนผม มันเริ่มมาจากตรงนั้นแหละ วันนี้ผมเลยรู้สึกอยากเป็นผู้ให้บ้าง”

 

Sponsored Ad

 

เล่าถึงความรู้สึกตอนที่ต้องไปลาออกจากโรงเรียน ตอนนั้นเสียใจมาก-น้อยแค่ไหน?

    “เสียใจอ่ะ ยิ่งกว่าอกหักอีกครับ โรงเรียนที่เราผูกพัน เพื่อนที่เรารัก กีฬาที่เราชอบ สิ่งที่เราตื่นเช้ามาทุกวัน ที่ต้องอยู่ในอนาคตเราไปอีก 4-5 ปี ย้ายโรงเรียนสำหรับผมมันเป็นการที่ต้องปรับอะไรใหม่หลายๆ อย่างเลย แล้วก็เราผูกพันกับคนหลายคนไปแล้ว เราไม่ได้อยากจากสิ่งนั้นไปเลย แต่ด้วยความจำเป็นบางอย่าง ในเรื่องการเงินอย่างเงี้ย เราก็เลยต้องออกมา วันนั้นเป็นวันที่เศร้ามาก เศร้าตั้งแต่แบบรู้ว่าหลับแล้วต้องตื่นมาเจอความเป็นจริง”

 

Sponsored Ad

 

พอได้รับโอกาสให้ได้เรียนที่เดิมอีกครั้ง ชีวิตเปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง?

    “โห แฮปปี้ครับ (หัวเราะ) เหมือนใช้ชีวิตให้คุ้มค่าที่สุดในตอนนั้น คือเรารู้สึกว่าโอกาสมันไม่ได้มาง่ายๆ อยู่ดีๆ มาให้ทุนเรา เราก็ตั้งใจทำทุกอย่าง ทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด”

 

Sponsored Ad

 

หลักการใช้ชีวิตที่ว่า “ทำทุกอย่างให้เหมือนเป็นวันสุดท้ายที่จะได้ทำ” มันเป็นอย่างไร?

    “เพราะคำว่า “โอกาส” ผมเห็นค่าของมันจริงๆ บางคนเก่งมาก บางคนมีประสบการณ์มาก แต่ไม่มีโอกาส มันก็ไม่สามารถทำให้ชีวิตหรือว่าฝีมือพัฒนาอะไรได้ เพราะฉะนั้นทุกวันนี้บางคนเสียโอกาสไปกับโทรศัพท์เยอะมาก ลืมมองสิ่งรอบกาย หรือว่าไม่เห็นค่าของมัน แต่ผมจะทำในสิ่งที่ผมทำอยู่ให้เหมือนเป็นวันสุดท้าย 

 

Sponsored Ad

 

    นั่งเครื่องบินไปถ่ายหนังที่ต่างประเทศ ผมรู้สึกว่า ไม่รู้นะ พรุ่งนี้ผมอาจจะตกเครื่องตายก็ได้ เพราะฉะนั้นมันก็เลยทำให้ผมเต็มที่กับทุกอย่าง ถ้ามีอะไรบกพร่องมันก็คือข้อเสียที่เราต้องปรับปรุง แต่มันไม่ใช่ข้อผิดพลาดที่เราทำไป”

Sponsored Ad

เป้าหมายสูงสุดในชีวิตที่เราตั้งใจจะทำคืออะไร?

    “ผมรู้สึกว่า เป้าหมายสูงสุดในชีวิต มันถูกเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ตามอายุกาลเวลา ของผม ณ ตอนนี้ผมก็คิดแต่เรื่องการงาน และครอบครัว และสิ่งที่ผมทำเพื่อคนอื่นซะมากกว่า ยังไม่ได้มีเป้าหมายสูงสุดให้กับตัวเองว่าคืออะไร เอาง่ายๆ ก็คือประสบความสำเร็จ และก็ขอให้ได้ทำในสิ่งที่เรารัก และได้ทำไปตลอดแค่นั้นเอง และก็สร้างประโยชน์ให้กับผู้อื่น ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน น่าจะแค่นั้นแหละ”

ตั้งใจจะ “ให้” ไปอีกนานแค่ไหน?

    เวลานานเท่าไหร่ แต่ว่าเราไม่ได้ทิ้งสิ่งที่เราเรียนมาตลอด 5 ปี เพราะมันเป็นสิ่งที่ผมรักและก็ชอบจริงๆ ก็บอกกับตัวเองว่า ตั้งใจจะเอาสิ่งนี้มาทำ เพราะมันเป็นประโยชน์ด้วย เพื่อความชอบและสนุกส่วนตัวด้วย และก็เพื่อความสะใจด้วย (หัวเราะ) มันสะใจที่เราทุ่มเทมาตลอด แล้วผู้คนชอบผลงานเรา เรารู้สึกได้ประโยชน์จากผลงานที่เราต้องการจะสื่อ มันก็เป็นความสนุกอย่างนึง เหมือนเล่นกอล์ฟอ่ะครับ ตีไปหลุมหนึ่งแล้วไม่รู้ว่าจะได้แชมป์หลุม 18 แต่พอพลัดหลุม 18 ลงไปแล้วเราได้แชมป์มันก็สะใจอ่ะครับ”

.

.

    ขอเป็นอีกหนึ่งกำลังใจให้พระเอกหนุ่มน้ำใจงามคนนี้ ได้ทำประโยชน์และสิ่งดีๆ คืนสู่สังคมได้อย่างราบรื่นในทุกๆ โอกาสนะจ๊ะ

อ่านบทความเพิ่มเติม : แล้วจะหลงรักเขาคนนี้! กับเรื่องจริงของ "นาย ณภัทร" ลูกชายสุดฮอตของ "หมู พิมพ์ผกา" อ่านแล้วรู้เลยว่าเป็นคนอย่างไร!?

ข้อมูลและภาพจาก Amarintv

บทความที่คุณอาจสนใจ