8 ปี "พระ" พาผู้หญิงไปคลอดลูกกว่า 200 คน ถูกซุบซิบนินทา แต่พอรู้ความจริงถึงกับพูดไม่ออก

LIEKR:

ทำดีบางทีก็ไม่ง่าย

        พระที่ออกบวชต้องรักษาศีล การเข้าใกล้สตรีถือเป็นข้อห้าม แต่ในเวลาสั้นๆ แค่ 7 ปี “พระเต้าลู่” กลับทำให้ผู้หญิงมีลูก 200 กว่าคน เมื่อไปโรงพยาบาลซ้ำๆหลายครั้ง คุณหมอก็อดไม่ได้ที่จะล้อ “เต้าลู่มีลูกอีกแล้วรึ? อย่ามีให้มากนักซี่ ต้องไปโรงพยาบาลอื่นมั่ง”

        เต้าลู่เป็นพระ แต่ชื่อของเขากลับปรากฏในฐานะ “พ่อ” บนใบเกิดของเด็กๆ จำนวนมาก ทุกครั้งที่เขาพาผู้หญิงมาคลอดจะไม่ซ้ำหน้ากัน มีทั้งเด็กนักเรียน คนทำงานที่ยังไม่แต่งงาน หรือคุณแม่ที่แต่งงานแล้ว เพราะอย่างนี้เขาเลยมีอีกชื่อว่า พ่อพระ

 

Sponsored Ad

 

        เต้าลู่พาผู้หญิงจำนวนมากมาคลอดลูก จนกลายเป็นหัวข้อซุบซิบนินทา มีคนบอกว่าเขามั่วกับผู้หญิง เด็กเหล่านั้นล้วนเป็นลูกของเขา ยังมีคนบอกว่าเขาเป็นพระปลอม จริงๆ แล้วค้าเด็ก วัดทำอะไรไม่ถูก จึงไล่เขาออกมาแต่จริงๆ แล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่

 

Sponsored Ad

 

        เรื่องราวเริ่มจากตอนที่เต้าลู่อายุ 37 ปี ชื่อเดิมของเขาคืออูปิง ปี 2011 เขาออกบวชที่วัด Puxian ใน Nantong ก่อนหน้านั้นเขาก็เป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ แต่ในด้านความรักกลับไม่ราบรื่น เขามีชีวิตแต่งงานที่ล้มเหลวมา 2 ครั้ง ต่อมาเขาจึงตัดสินใจสละทิ้งทางโลก บวชเป็นพระ

        ระหว่างบวชที่วัด เต้าลู่มักจะเห็นผู้หญิงวัยสาวๆมาสวดมนต์ พวกเธอมาขอให้ลูกที่ยังไม่เกิดรอดพ้นจากความทรมาน ตอนแรกเต้าลู่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก จนกระทั่งตอนที่เขาบวชปีที่ 2 ก็มีเรื่องที่ทำให้เขาต้องตกอยู่ในความคิดหนัก วันนั้นตอนเย็น เต้าลู่เตรียมปิดประตูวัด มีผู้หญิงคนหนึ่งมุ่งมั่นที่จะเข้ามาสวดมนต์ เธอตั้งท้อง หลังสวดมนต์เสร็จจะไปทำแท้ง

 

Sponsored Ad

 

        มีคนโน้มน้าวให้เธอคลอดลูกออกมา เธอพูดไปร้องไห้ไป “ถ้าหนูไม่ทำแท้งจะทำอะไรได้ ที่บ้านต้องไม่ยอมรับแน่ๆ หนูไม่มีที่ไป ใครจะช่วยหนูได้” ตอนนั้นเต้าลู่ถึงได้คิดได้ เด็กผู้หญิงมากมายทำแท้งเพราะกลัว พวกเธอต้องการความช่วยเหลือ

 

Sponsored Ad

 

        เต้าลู่ตัดสินใจช่วยเหลือเด็กผู้หญิงเหล่านี้ และเป็นการช่วยเหลือเด็กผู้บริสุทธิ์ด้วย เขาโพสต์ข้อความบนอินเทอร์เน็ตโดยทิ้งรายละเอียดการติดต่อตัวเขาไว้ บอกว่ายินดีช่วยเหลือคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ตั้งท้องโดยไม่คิดค่าตอบแทน และยังจะช่วยพวกเธอเลี้ยงดูลูกด้วย ผู้หญิงจำนวนหนึ่งเห็นเข้าก็ติดต่อมา มาหาเขาที่วัด เป็นที่มาของคำนินทาไร้สาระ

        หลังจากเต้าลู่ถูกบีบให้ออกจากวัด ก็ตัดสินใจทำเรื่องนี้ต่อไป ปี 2014 เขาไปอาศัยอยู่ที่วัด Wanshan ที่ถูกละเลย และทำให้วัดเป็นที่ยอมรับอย่างเป็นทางการเอง สำหรับเรื่องที่โดนเข้าใจผิดอย่างไม่ยุติธรรม เต้าลู่ก็ไม่คิดอะไร “อาตมาทำอะไร ในใจอาตมารู้ดี ผู้หญิงพวกนี้ไม่ได้แต่งงาน แต่เลือกที่จะคลอดลูกออกมา พวกเธอมีความกล้าหาญมาก คนพวกนี้ถ้าคุณไม่ช่วย แล้วคุณจะไปช่วยใคร”

 

Sponsored Ad

 

        เพื่อที่จะให้เด็กผู้หญิงที่กล้าหาญเหล่านี้ไม่ต้องกังวลในภายหลัง เต้าลู่เปลี่ยนบ้านพักให้กลายเป็นสถานพักพิงของคุณแม่เพิ่งคลอด และเรียกที่นี่ว่า “บ้านพิทักษ์ชีวิต” เพื่อปกป้องคุณแม่และลูก

 

Sponsored Ad

 

        แม้ว่าเขาจะพยายามมาก แต่ก็ไม่สามารถช่วยทุกคนได้ เดือนเมษายนปี 2018 มีเด็กวัยรุ่นคนนึงติดต่อเขามา บอกว่าตัวเองกำลังลำบาก อยากคลอดลูก แต่ก็ไม่มีปัญญาเลี้ยง เมื่อเห็นข้อความที่เต้าลู่โพสไว้ว่าให้ความช่วยเหลือผู้หญิงท้อง เธอก็เลยรวบรวมความกล้าติดต่อเขามา หลังนัดหมายกันเรียบร้อง วันนั้นกลางดึกเต้าลู่ก็ออกไปรับคุณแม่วัยรุ่นที่สถานีรถไฟ ระหว่างทางเขารีบมาก เพราะกลัวอีกฝ่ายจะเปลี่ยนใจ แล้วเธอก็เปลี่ยนใจจริงๆ พร้อมทิ้งข้อความไว้ว่า “หนูจะเอาเด็กออก” และไม่ติดต่อเต้าลู่มาอีกเลย 

Sponsored Ad

        ในสายตาเต้าลู่ คุณแม่พวกนี้คือแขกที่ผ่านมา “บ้านพิทักษ์ชีวิต” เป็นที่พักชั่วคราวของพวกเธอ เขาแค่อยากให้เด็กมีชีวิต มีบางคนสงสัย เขาทำอย่างนี้ดียังไง เต้าลู่ตอบ : “เสียงร้องแรกของทารกแรกเกิด ความสุขที่ได้ต้อนรับชีวิตใหม่ คือพลังขับเคลื่อนสำหรับทุกสิ่งที่อาตมาทำ” เห็นแม่และเด็กปลอดภัย ก็เป็นความสำเร็จของเขา

        หลังจากแม่ของเด็กจากไป เด็กและเต้าลู่ต้องเจอกับอะไรบ้าง? คำวิพากษ์วิจารณ์และเสียงซุบซิบนินทานับไม่ถ้วน โชคดีที่เขาไม่ใส่ใจว่าคนอื่นจะมองยังไง “ผลลัพธ์ของการกระทำของอาตมามีค่าตามที่ตั้งใจ” เขาดูแลเด็กเหล่านี้เหมือนเป็นลูกหลานตัวเองอย่างเท่าเทียม “มีชีวิตอยู่ ดีกว่าอะไรทั้งนั้น”

        เด็กทุกคนที่คลอดออกมา ต้องใช้เงินประมาณ 2 หมื่นหยวน (ประมาณ 1 แสนบาท) แถมยังมีค่าใช้จ่ายที่โรงพยาบาลของแม่ ล้วนเป็นเงินที่เขาออกให้ ดีที่เมื่อก่อนเขาทำธุรกิจประสบความสำเร็จ ถึงได้มีเงินมาดูแลส่วนนี้

        ปัญหาเรื่องเงินได้รับการแก้ไข การดูแลเด็กทารกเป็นปัญหาใหญ่ของเขา เขาต้องเป็นทั้งพ่อและแม่ ทุกวันต้องให้นม เปลี่ยนผ้าอ้อม แถมยังต้องกล่อมนอน ยุ่งมาก บางทีเด็กป่วย เต้าลู่เป็นกังวลรีบออกจากบ้านโดยไม่ได้จัดการเสื้อผ้าให้ดี คนเดินผ่านไปมาบนถนนก็มองด้วยสายตาประหลาด เขาก็ไม่แคร์ 

        พอคนมากมายเริ่มรู้ความจริง ก็เข้ามาช่วยดูแลเด็กๆ รัฐบาลท้องถิ่นยังได้จัดตั้งหน่วยช่วยเหลือสำหรับ “บ้านพิทักษ์ชีวิต”  และสถานการณ์ก็ค่อยๆดีขึ้น พ่อแม่ของเต้าลู่ก็มาช่วย พวกเขาใช้การกระทำสนับสนุนการตัดสินใจของลูกชายอย่างเงียบๆ การดูแลเด็กไม่ใช่เรื่องยากสำหรับผู้สูงวัยทั้งคู่

         เด็กคนแรกที่พ่อแม่ของเต้าลู่ดูแลชื่อซวนๆ อยู่กับพวกเขามา 5 ปีแล้ว ต่อมาแม่ของซวนๆตัดสินใจมารับเด็กน้อยกลับบ้านไป หนูน้อยทั้งร้องไห้ทั้งตะโกนไม่ยอมไป คนแก่ก็ไม่อยากให้ไป แต่การได้กลับไปอยู่กับแม่แท้ๆเป็นเรื่องดีสำหรับเด็ก พวกเขาทำได้แค่ซ่อนตัวเช็ดน้ำตาอยู่ในห้อง ต่อมาคุณย่าแอบซื้อตั๋วเครื่องบินบินไปหาซวนๆ พอกลับมาก็ร้องไห้โฮ บอกว่าหนูน้อยผอมลงไป 

        ปีที่แล้ว แม่ของซวนๆก็ส่งเขากลับมาอีกครั้ง บอกว่าตัวเองไม่มีความสามารถในการเลี้ยงดูลูก อยากให้ลูกได้บวชเรียนในโรงเรียนวัด พอโรงเรียนปิดเทอม เต้าลู่ก็จะไปรับซวนๆกลับมา ให้อยู่กับปู่ย่าอย่างสนุกสนานสัก 2-3 วัน แล้วก็ต้องเศร้ากันอีกรอบ เรื่องแบบนี้ทำร้ายจิตใจเด็ก และแม้กระทั่งตัวเขาเอง แต่เต้าลู่ก็ทำได้แค่ระมัดระวัง

        พอถึงอายุที่เด็กๆต้องเข้าเรียน ถ้ายังสามารถติดต่อแม่แท้ๆได้ ก็จะทำไปตามขั้นตอน แต่แม่ส่วนใหญ่ของเด็กที่นี่ล้วนมีชีวิตลำบาก เต้าลู่เองก็รับปากกับพวกเธอไว้ว่าจะไม่ให้พวกเธอต้องรับผิดชอบใดๆ

        ต่อมา “บ้านพิทักษ์ชีวิต” มีกฎ ก่อนที่จะคลอดลูกจำเป็นต้องเซ็นต์ชื่อในหนังสือมอบอำนาจ ในอนาคตถ้าพวกเธอแต่งงานกับพ่อแท้ๆของเด็ก มีความสามารถในการเลี้ยงลูก สามารถกลับมารับลูกได้เมื่อไหร่ก็ได้ พวกเธอสามารถมาเยี่ยมลูกได้ปีละ 2 ครั้ง ตอนเด็กอายุ 18 ปีต้องมาทำความรู้จักกัน แล้วให้เด็กเป็นคนตัดสินใจอนาคตของตัวเอง

        มีคนเคยถามเต้าลู่ “จะทำเรื่องนี้ไปถึงเมื่อไหร่?” เขาตอบ “ชีวิตไม่มีที่สิ้นสุด การช่วยเหลือก็ไม่มีที่สิ้นสุด เพราะว่ามีคนเดือนร้อนนับไม่ถ้วน ล้วนมีความสัมพันธ์กับพวกเรา”

        พระรูปนี้เต็มไปด้วยความรักจริงๆ

แปลและเรียบเรียงโดย LIEKR

บทความที่คุณอาจสนใจ