"มาเวล" จากบริษัทใกล้เจ๊ง-ติดหนี้ก้อนโต สู่ผู้สร้างหนังฮีโร่พันล้าน ขึ้นแท่นหนังทำรายได้สูงสุดตลอดกาล

LIEKR:

โห อ่านแล้วขนลุกเลยค่ะ สุดยอดมาก

        อย่างที่ทราบกันดีว่าในปัจจุบันจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวลนั้นได้แพร่ขยายและมีอิทธิพลกับวงการหนังกันสุดๆ 

        เพราะจากจุดเริ่มต้นจนถึงปัจจุบัน จักรวาล MCU (Marvel Cinematic Universe) นั้นมีหนังอยู่จักรวาลนี้ที่ฉายไปแล้วนับสิบเรื่อง อีกทั้งยังเป็นภาพยนตร์ชุดที่ทำเงินสูงสุดของโลก

 

Sponsored Ad

 

        แต่กว่าจะมีวันนี้ จักรวาลอันรุ่งโรจน์ของ "มาร์เวล" ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ หากแต่เคยผ่านความล้มเหลวจนถึงขึ้นล้มละลายมาแล้ว 

 

Sponsored Ad

 

        เส้นทางของมาร์เวลจึงเป็นบทเรียนน่าสนใจสำหรับทุกธุรกิจไม่ว่าจะอยู่ในวงการหนังหรือไม่

        ค่ายมาร์เวล (Marvel Studios) ถือเป็นค่ายหนังที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดค่ายหนึ่งของโลก ตั้งแต่ Iron Man เข้าฉายเมื่อ 10 ปีก่อน ค่ายหนังแห่งนี้ทำเงินไปแล้วหลายแสนล้านบาท โดยที่หนังใหม่ๆ ของค่ายก็ยังสร้างรายรับถล่มทลายอย่างต่อเนื่อง

 

Sponsored Ad

 

        แต่บางคนอาจไม่รู้ว่าเมื่อปี 1996 มาร์เวลซึ่งในตอนนั้นคือ มาร์เวล คอมิค (Marvel Comic) สำนักพิมพ์ที่ตั้งขึ้นเมื่อปี 1961 ประสบภาวะล้มละลายในช่วงที่เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐ 

        ระหว่างที่ฟื้นฟูกิจการได้ควบรวมกับ Toybiz บริษัทของเล่น และเปลี่ยนโมเดลธุรกิจจากการผลิตมาเป็นการขายลิขสิทธิ์ซูเปอร์ฮีโร่แทนเพื่อลดต้นทุน

 

Sponsored Ad

 

        ต่อมามาร์เวลพยายามหาตลาดใหม่ จึงก่อตั้ง Marvel Studios เพื่อจัดทำบท หานักแสดง และผู้กำกับเพื่อเสนอขายเป็นแพ็กเกจให้บริษัทอื่นเพื่อนำไปสร้างหนัง เช่น ขาย Spider-Man ให้โซนี่ พิคเจอร์ส และ X-Men และ Fantastic Four ให้ทเวนตี้ เซ็นจูรี่ ฟ็อกซ์

 

Sponsored Ad

 

        แม้วิธีนี้จะช่วยให้มาร์เวลมีรายรับมากขึ้นและมีต้นทุนต่ำ แต่เมื่อเทียบกับรายได้ของหนัง ส่วนแบ่งค่าลิขสิทธิ์ของมาร์เวลกลับน้อยนิด 

        ทำให้มาร์เวลตัดสินใจเปลี่ยนมาสร้างหนังเอง ค่ายยักษ์ใหญ่เดิมพันครั้งมโหฬารด้วยการนำลิขสิทธิ์ของ Thor และ Captain America ไปค้ำประกันเงินกู้ 17,000 ล้านบาท เพื่อนำเงินมาสร้างจักรวาลมาร์เวล

 

Sponsored Ad

 

        อย่างไรก็ตามการเดิมพันของทั้งคู่ก็ได้ผล Iron Man ภาพยนตร์เรื่องแรกในจักรวาล MCU ที่เปิดตัวเมื่อปี 2008 กลับทำรายได้ถล่มทลายถึง 585 ล้านดอลลาร์ (ราว 19,000 ล้านบาท) สูงกว่าเงินที่กู้มาด้วยซ้ำ

.

Sponsored Ad

        ความสาเร็จนี้ไม่เพียงปลดภาระหนี้สินทั้งหลายของบริษัทแต่ยังกลายเป็นแม่เหล็กดึงดูดให้ Disney เข้าซื้อกิจการทั้งหมดของ Marvel 

        เส้นทางจากความล้มเหลวสู่ความสำเร็จของมาร์เวลเป็นบทเรียนที่ดีสำหรับทุกธุรกิจ ไม่ว่าจะอยู่ในวงการหนังหรือไม่ก็ตาม

        เควิน ไฟกี ประธาน Marvel Studios เผยว่า เราไม่ได้ตั้งใจสร้างมาร์เวลให้เป็นจักรวาล แต่เราตั้งใจสร้างตัวละครให้เจ๋ง 

        และทำในสิ่งที่ตอนนั้นไม่มีใครทำ นั่นก็คือ เอาฮีโร่เหล่านั้นมารวมกัน เอาประสบการณ์ที่แฟนการ์ตูนมีกับ Spider-Man มาใส่ใน Fantastic four หรือนำเจ้ายักษ์เขียว Hulk เข้ามาใน Iron Man เพราะเราเชื่อว่าแฟนๆ จะได้ตื่นตาไปกับการที่คาแรคเตอร์ของฮีโร่จากหลายเรื่องมาปะทะกัน

        "อย่ากลัวที่จะโยนบางอย่างทิ้งแล้วเริ่มใหม่ หลักการของมาร์เวลคือ ทำให้ฮีโร่ที่มาจากต่างเรื่องผสมกลมกลืนกันให้ได้ แต่หากเรื่องไหนไม่ไหวจริงๆ ก็อย่าดันทุรัง เพราะทุกคนที่มาร์เวลรู้ดีว่าหนังของฮีโร่แต่ละคนจะต้องมาก่อนการรวมฮีโร่"

        และอีกคนที่เราลืมไม่ได้เลยคือ "ปู่ลี" หรือ " Stan Lee" ผู้ให้กำเนิดเหล่าซุปเปอร์ฮีโร่ของจักรวาล Marvel ผู้อยู่เบื้องหลังคาแรกเตอร์ดังๆ มากมายของ 

ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก wikipedia, posttoday

บทความแนะนำ More +

บทความที่คุณอาจสนใจ